ไปเที่ยวกันเต๊อะะะะ…..
(ปล. …ขอแทรก ปล.ไว้ก่อน เนื้อหาจะเป็นการรีวิวทริปญี่ปุ่นแบบเที่ยวเอง บรรยายแบบเล่าเรื่อง ภาษาอาจไม่ทางการนะคะ จะแบ่งการรีวิวเป็นตอนๆตามเมืองที่ไปค่ะ รีวิวละเอียดยิบสำหรับมือใหม่หัดเที่ยวเอง ^^)
มาแล้วค่ะมาแล้ว…ในที่สุดก็จะได้ไปประเทศในฝันของใครหลายๆคน เราก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ หลังจากที่ควักกระเป๋าจ่ายค่าตั๋วไปแล้วด้วยความมึนงง ซึ่งก็ไม่แพงค่ะ ไป-กลับ ไม่เกินหมื่น แต่แค่ต้องนั่งย้อนไปต่อเครื่องที่มาเลย์ก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็ยอม(ราคานี้ก็ควรยอมเนอะ! )
พอใกล้ถึงวันเดินทางรีบเตรียมกระเป๋า วางแผนการเดินทางโดยละเอียด แหะๆที่ต้องโดยละเอียดไม่ใช่อะไรค่ะ กลัวหลงงงงงงง…..รอบนี้เป็นการไปต่างแดน ที่ไปกันแค่2คน แล้วญี่ปุ่นนี่ก็ไม่เค้ยไม่เคยไปเหยียบมาก่อนเลยทั้งคู่ เลยต้องมาติวเข้มกันซะหน่อย…
ทริปนี้อยู่ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม มีคนบอกว่าหน้าร้อนโตเกียวกำลังร้อนได้ที่เลย พอๆกับไทยเลยนะ โดนขู่ซะขนาดนี้ โยนเสื้อหนาวทิ้งไปให้หมดค่ะ พกหมวกกับ แว่นกันแดดไปแทน แต่ในใจแอบหวังๆว่าอากาศคงไม่ร้อนมากหรอกมั้ง การไปหน้าร้อนก็ดีอย่างนะค่ะ เพราะจัดกระเป๋าง่าย และกระเป๋าจะโล่งมาก
กระพริบตานั่งเครื่องหลับๆตื่นๆเดี๋ยวเดียวก็ถึงโตเกียวแล้ว ตื่นเต้นมากเลยค่ะ อิชั้นจะไปต่อถูกม้ายยยย….
เอาล่ะค่ะ โปรแกรมของเราวันนี้ คือเราต้องเดินทางเข้า Kawaguchiko ซึ่งเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไป เพราะจะเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดที่สุด และยังมีทะเลสาบให้เราได้เที่ยวรอบๆอีกด้วย
พอลงเครื่อง เราก็ต่อรถไฟเข้ามาลงที่สถานีชินจูกุ เพื่อที่จะต่อรถบัสไปยัง คาวากุชิโกะ ค่ารถไฟ2คน 6,380 เยน การเช็ครอบรถไฟขอแนะนำเว็ปนี้เลยค่ะ www.hyperdia.comตอนนั่งรถไฟเข้าเมืองง่ายมากค่ะ ยังพูดกันอยู่เลยค่ะ แหม่..ญี่ปุ่นนี่เดินทางง่ายเนอะ! แต่งานมาเริ่มงอกตอนที่ต้องไปขึ้นรถบัสเนี่ยละ อ่านรีวิวมาอย่างละเอียดเลย เรียกได้ว่าเดินกันไปตามลายแทงเลยค่ะ แต่พอไปถึง อ้าวววววว…อยู่ไหนว้า ดูในรูปที่ก้อปมา ก็ตึกเดียวกัน แล้วทำไมไม่มีจุดขายตั๋วเนี่ย เริ่มเคว้งล่ะ เดินลากกระเป๋าวนไปค่ะ หากันจนเหงื่อเริ่มซึม เดินถามทางมาเรื่อยๆ มีคุณลุงคนนึง ชี้ๆไปข้างหน้าแล้วชู4นิ้ว ไอ้เราก็คิดว่าอ้อ คงให้เดินไป40เมตรมั้ง แต่ป่าววววว เดินไปไม่เจอไรเลย จนมาถามอีกคน ถึงได้รู้ว่า ให้ขึ้นไปที่ชั้น4
สรุปอีกที ใครจะขึ้นบัสไปคาวากุชิโกะ ต้องมาตึก NEWOMAN นะจ๊ะ ตึกนี้หาไม่อยาก เรียกว่าเด่นเลยล่ะ มาถึงก็พุ่งตัวไป ชั้น4 เลยค่ะ
เข้ามาในตึกก็มีป้ายบอกค่ะ ชั้น2เป็นรถไฟJR ชั้น4 BUS นี่ก็เสียเวลาออกไปตามลายแทงตั้งนานสองนาน สรุปอยู่ใกล้แค่นี้เอง
ไปถึงก็แล่นไปที่เค้าเตอร์ขายตั๋วเลยค่ะ ตอนแรกกะได้ไปรอบเที่ยง แต่มัวแต่หลง เลยได้ตั๋วรอบบ่าย2กว่าๆตั๋วรถบัสราคา 1,750 ต่อคนค่ะ (ที่นี่มีล็อคเกอร์ให้ฝากกระเป๋านะค่ะ เป็นแบบหยอดเหรียญ เผื่อใครต้องรอรถนาน แล้วอยากจะไปเดินเที่ยวก่อนก็ฝากเจ้าตู้นี้เลย ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าจะต้องต่อคิวซื้อตั๋วจากช่องไหน ก็เดินไปถามที่information เลย จะได้ไม่ต้องเดินเดาเนอะ)
ภายในอาคารซื้อตั๋วค่ะ เช็คเวลาขึ้นรถให้ดีๆ ที่นี่เค้าตรงเวลามาก ควรมารอๆก่อนซัก15นาที ในรูปเค้าเตอร์ซื้อตั๋วจะอยู่ซ้ายมือ ที่ขึ้นรถจะอยู่ขวามือด้านนอกประตูกระจกค่ะ
แอบเล่านิดนึง ตอนนั่งรอรถ ที่นั่งเกิดสั่นๆซักพัก ไอ้เราก็คิดไปว่าสงสัยรถใหญ่วิ่งมั้ง เลยสั่น ลืมนึกไปว่าตอนนี้อยู่ญี่ปุ่นนะจ๊ะ มารู้ทีหลังว่า โตเกียวแผ่นดินไหวจ๊ะ ก็ชิวๆกันไป ไหวไม่กี่ริกเตอร์..นี่ซินะ ถึงจะเรียกว่ามาถึงญี่ปุ่นแล้วจริงๆ
นั่งบัสออกจากโตเกียว เดินทางกันประมาณ2ชั่วโมง ก็ถึงที่หมาย (ในรูปคือบัสที่เรานั่งมานะคะ) รถจะมาจอดสถานีนี้เป็นที่สุดท้าย ฉะนั้นไม่ต้องกลัวหลง เพราะทุกคนลงที่นี่หมด
ลงจากรถก็พุ่งมาร้านนี้เลยค่ะ อยากกินมากลูกโมะโมะ หรือที่เราเรียกกันว่าลูกพีช เจ้าของฟาร์มเก็บมาขายกันสดๆ มีตั้งแต่ลูกล่ะ 300เยน ไปจนถึง600เยน พอซื้อมาลองชิมแล้วกำลังจะเดินไปหาที่พัก ก็ต้องอุทานว่า เห้ยยย ลืมกระเป๋า!!! ต้องรีบวิ่งไปเอากระเป๋าที่รถบัส ดีนะว่ารถยังจอดอยู่ ไม่งั้นคงต้องวิ่งตามรถแทน แหม่..งี้ละค่ะ เห็นของกินทีลืมทุกสิ่ง เพลียตัวเองจริงๆ
(ซ้ายสุด)นี่คือที่พักที่เราจะค้างกัน1คืน ชื่อว่า “Ichifujiso” ห่างจากที่ลงบัสไม่ไกลค่ะ แค่ประมาณ900เมตร ถ้าถามว่ามายังไง ก็ง่ายๆค่ะ เดินๆ ไม่นานก็ถึงค่ะ หรือใครเดินไม่ไหวก็นั่งแทคซี่ได้ค่ะ ราคาที่พักต่อคืน 9,000 เยน เวลาCheck in บ่าย2 ส่วนใหญ่ที่พักจะให้เข้าพักเวลาประมาณนี้เกือบหมด
(กลาง)ภายในห้องพักค่ะ ที่นอนเป็นแบบเบาะปูนอนพื้นนะคะ ไม่มีเตียง มีหมอนผ้าห่มให้ ในห้องมีกระติกน้ำร้อนสามารถชงชาได้ เปิดหน้าต่างห้อง สามารถมองเห็นฟูจิได้ค่ะ เจ้าของเค้าบอกมา แต่วันนี้ฟูจิซังขี้อาย ยังไม่ยอมออกมาพบเราเลยค่ะ ต้องลุ้นหน่อยว่าจะได้เจอกันรึเปล่า
อ้อ ลืมบอกไป ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ ต้องออกไปใช้กับคนอื่น แต่ก็มีแบบห้องอาบเดี่ยวแยกให้ แต่ตอนเราไป ก็ไม่ค่อยเข้าห้องน้ำชนกับแขกท่านอื่นเท่าไหร่ ถือว่าสบายๆ คุณลุงคุณป้าก็ใจดีค่ะ
(ขวา)เอาวิวหน้าต่างอีกมุมมาฝากค่ะ คุ้นๆมั้ยเอ่ยยย? ใช่เลยๆอย่างที่คิด สุสานนั่นเอง ฮ่าๆ การันตีความเงียบสงบค่ะ อิอิ
และเนื่องจากเราผิดแผนกันนิดหน่อย ทำให้มาถึงที่นี่ช้า เราเลยตกลงกันว่า งั้นวันนี้เราจะเดินเที่ยวรอบๆ เดินไม่ไกลจากที่พักมาก เรียกว่าสำรวจที่ทางร้านอาหารกันหน่อย
ที่นี่ก็มีชื่อเรื่องชีสเค้กเหมือนกันนะค่ะ ร้านนี้ก็น่ารัก มีขนมหลายอย่างเลยค่ะ
ตรงนี้เป็นเหมือนช่วงโค้งของทะเลสาป จะเรียกว่าอ่าวก็ไม่น่าผิด ที่นี่อากาศกำลังดีนะค่ะ ไม่ร้อน ลมเย็น เดินตากลมตอนเย็นๆนี่ก็รู้สึกหนาวนิดๆ
เดินต่อมาอีกนิด ก็มาสะดุดตากับร้านนี้ค่ะ ฮาลาลตัวเบิ้ม เห็นละดีใจ รอดตายละเรา ร้านอยู่หัวมุมสังเกตุง่ายมากค่ะ ตามที่เราเคยรีวิวไว้ในลิ้งค์นี้เลยค่ะ…..http://www.abushijapanesecafe.com/2016/10/28/halal-restaurant-kawaguchiko/
ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ สั่งพิซซ่าถาดนึงมากินกัน2คน หึหึ พิซซ่าหน้าไก่ย่าง สไตล์อินเดีย+อิตาเลี่ยน หน้าตาดูงั้นๆแต่รสชาติอร่อยมากค่ะ ออกจากเตาอบมาร้อนๆ แป้งกรอบๆหอมชีส พูดแล้วก็อยากไปกินอีกเลย ถาดนี้ราคา1,500 เยนค่ะ
ในที่สุดๆๆ พี่เค้าก็โผล่หน้ามาหาเราค่ะ พี่ฟูจิซังของเรา ใหญ่โตมาก ฟูจิเดือนนี้ โล้นๆค่ะ ไม่มีหิมะเกาะ หึหึ รอดูกันต่อพรุ่งนี้เช้าจะเจอฟูจิอีกมั้ย วันนี้หมดแรงกับการเดินทาง ต้องรีบไปนอนเอาแรงค่ะ พรุ่งนี้เราต้องเจอศึกหนัก ??
ศึกหนักที่ว่าคือเจ้านี่เลยค่ะ วันนี้เราจะปั่นจักรยานรอบๆทะเลสาบ kawaguchiko กัน ระยะทางรอบนึงก็ประมาณ20โล ไม่มากไม่น้อยเกินไป กำลังดีค่ะ(ปลอบใจตัวเองแปปปปป) ออกจากที่พัก8โมง แพ็คกระเป๋า check out ให้เรียบร้อยเลย เพราะที่นี่ให้เชคเอ้าท์ 10โมง ซึ่งกว่าเราจะกลับมา คงไม่ทันแน่ๆ ที่นี่สามารถฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้ค่ะ ก่อนออกมาก็แอบถามคุณป้าว่า เนี่ยเราจะไปปั่นจักรยาน ถ้าเรากลับมา จะขอใช้ห้องน้ำอาบน้ำได้มั้ยคะ? คุณป้าใจดีบอกโอเคได้ค่ะ ดีใจอะไม่ต้องตัวเหม็นกลับโตเกียวแล้ว
นี่คือเส้นทางที่เราปั่นค่ะ
ชมวิวรอบทะเลสาบ
ทีแรกบอกไปว่า20โล แต่เอาจริงๆ ปั่นกันเกือบ30โล เพราะดันลืมเปลี่ยนแบตฯกล้อง ฟูจิก็โผล่มาตอนกล้องแบตฯหมดอีก เลยตกลงกันว่าปั่นให้ครบรอบก่อน แล้วแวะไปเอาแบตฯที่ที่พัก แล้วค่อยมาจุดชมฟูจิที่มีดอกลาเวนเดอร์อีกรอบ
แต่พอปั่นมาอีกรอบจ้า….คุณเมฆก็เลื่อนมาบดบังฟูจิทันใด โอ้วววว..ชีวิตของสาวน้อย เศร้าจริงๆเลย อดค่ะ อดเอารูปมาฝากกันเลยยยยT_T เห็นแค่ยอดดอยไกลลิปๆๆ
แต่ถึงแม้ละผิดหวังกับฟูจิ แต่เราก็ได้สิ่งปลอบใจค่ะ ตอนปั่นจักรยานผ่านรอบแรก เห็นมีสวนบลูเบอรี่ แต่ตอนนั้นยังไม่เปิด มาอีกรอบเปิดพอดี ไปยืนชะโงกๆอยู่หน้าตาข่าย คุณลุงก็ออกมาต้อนรับเรายิ้มแย้ม
ค่าเข้าชมและเก็บบลูเบอรี่ คืออ่านไม่ออกแต่ก็พอเดาๆออก สรุปคุณลุงเก็บเงินเราไป 1,000เยน แล้วเชิญเราเข้าสวนสองคนเลยค่ะ พร้อมแจกถาดเก็บบลูเบอรี่ แนะนำด้วยว่าให้เก็บลูกแบบไหน
ครั้งแรกในชีวิต นี่ก็เพิ่งเคยเห็นต้นบลูเบอรี่ตัวเป็นๆนี่ละค่ะ เก็บได้ตามใจชอบเลยค่ะ เก็บไปกินไป คุณลุงชงชาให้ดื่มด้วย เรียกว่าเข้าสวนนี้คุ้มเลยค่ะ สองคนจ่ายพันเยน แถมได้บลูเบอรี่ที่เก็บกันมาอีกคนละกล่อง อยากจะอยู่นานๆเลยค่ะ แต่ต้องรีบกันแล้ว เดี๋ยวไปคืนจักรยานไม่ทัน
มาที่นี่ สามารถซื้อตั๋วนั่งเรโทรบัสเที่ยวรอบๆทะเลสาบ โดยแวะตามจุดจอดต่างๆได้ค่ะ และก็มีจุดชมวิว ที่สามารถขึ้นกระเช้าได้ด้วย แต่จักรยานก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ท้าทาย และราคาไม่แพง มีให้เลือกทั้งแบบมีเกียร์ และแบบไฟฟ้า แต่แบบไฟฟ้าราคาก็จะแพงกว่าเกือบเท่านึงค่ะ เราเลยเลือกปั่นจักรยานแบบมีเกียร์ธรรมดา ตกชั่วโมงล่ะ400เยน แต่เราโดนกันไปคนละ1,500เยนค่ะ เล่นปั่นกัน4ชั่วโมงแหนะ สภาพอากาศที่นี่เย็นสบาย แต่แดดแรงเอาเรื่อง ใครจะมาปั่นอย่าลืมพกหมวก กับแว่นกันแดดมาน้าาา มีครีมกันแดดก็โบกๆทามือด้วย ไม่งั้นจะหลังมือไหม้เพราะโดนแดดเผาแบบเรา >_<
พอเข้าที่พักก็จัดแจงรีบอาบน้ำ เพราะก็เกรงใจคุณลุงคุณป้า คุณป้ามาถามรอบรถว่ากลับกี่โมง เดี๋ยวจะไปส่งที่สถานีให้ ด้วยความเกรงใจ บอกไม่ต้องๆๆค่ะ เดี๋ยวเดินไปกันเองได้ พอเสร็จธุระ คุณป้าออกไปตลาด เราก็เลยบอกลาคุณลุงแทน คุณลุงออกมาส่ง แล้วบอกขึ้นรถๆเดี๋ยวเค้าไปส่งเอง หูยยยยยยยใจดีจังค่ะ เกรงใจสุดๆ ขอบคุณนะคะคุณลุง^^ ระหว่างทางคุณลุงก็ชวนคุยนุ้นนี่ พร้อมส่งถึงที่แบบสบายๆไม่ต้องตากแดดลากกระเป๋าให้เสียเหงื่อ
นี่เป็นภายในอาคารที่ซื้อตั๋วรถบัสขากลับไปโตเกียวค่ะ ราคาค่าตั๋วก็เท่าขามา คือคนละ 1,750 เยน นั่งรอรถกันในนี้ หรือเดินเล่นรอบๆก็ได้ค่ะ มีร้านน่ารักๆอยู่บ้าง ส่วนใครจะซื้อของฝาก ในอาคารนี้ก็มีค่ะ นั่งรถขากลับ รถติดมากกกกกกกกก ทำให้เลทไปเกือบ2ชั่วโมง ถึงโตเกียวดวงอาทิตย์ก็ตกดินล่ะ การตะลุยเจแปนของพวกเราสองคน เพิ่งเริ่มต้น และจะเป็นอย่างไรต่อไป เชิญติดตามตอนหน้านะคะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว1วันในโตเกียวแบบประหยัดๆกันดูค่ะ
นี่เป็นภายในอาคารที่ซื้อตั๋วรถบัสขากลับไปโตเกียวค่ะ ราคาค่าตั๋วก็เท่าขามา คือคนละ 1,750 เยน นั่งรอรถกันในนี้ หรือเดินเล่นรอบๆก็ได้ค่ะ มีร้านน่ารักๆอยู่บ้าง ส่วนใครจะซื้อของฝาก ในอาคารนี้ก็มีค่ะ นั่งรถขากลับ รถติดมากกกกกกกกก ทำให้เลทไปเกือบ2ชั่วโมง ถึงโตเกียวดวงอาทิตย์ก็ตกดินล่ะ การตะลุยเจแปนของพวกเราสองคน เพิ่งเริ่มต้น และจะเป็นอย่างไรต่อไป เชิญติดตามตอนหน้านะคะ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยว1วันในโตเกียวแบบประหยัดๆกันดูค่ะ