สำหรับวันนี้ จุดหมายของเราคือย่าน Asakusa ย่านนี้ เป็นย่านที่เก่าแก่ และเป็นที่ตั้งของวัดเซนโซจิ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ย่านนี้มีทั้งวัด ร้านอาหาร สวนสนุก และที่ช้ออปิ้งอีกมากมาย เราแวะที่ตึก Asakusa Culture Tourist Information เป็นอาคารโมเดิร์นหน้าตาโดดเด่น ตั้งอยู่หน้าทางเข้าถนน นากามิเสะ (Nakamise) ซึ่งเป็นทางเข้าวัดเซนโซจิ ชั้นบนสุดของตึกนี้สามารถมองเห็น ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ วัดเซนโซจิ Tokyo Sky Tree และ แม่น้ำสุมิดะ
จากหน้าทางเข้า เดินตรงเข้ามาจะเป็นถนนช้อปปิ้ง นากามิเสะ มีของฝากและขนมแบบญี่ปุ่นให้เลือกซื้อ เลือกชิม กันอย่างสนุกสนาน หลายๆร้านมีป้ายฮาลาลแปะชัดเจน เลือกซื้อกันได้อย่างสบายใจ เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเจอกับวัดเซนโซจิ มีนักเรียนมาทัศนศึกษากันเป็นกลุ่มๆ ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต
หากใครมีเด็กๆร่วมทริปมาด้วย แนะนำให้แวะสนามเด็กเล่น ตั้งอยู่ติดกับตัววัด สนามเด็กเล่นเล็กๆ ที่ทำให้เด็กๆตาโต และอาจจะไม่ยอมไปต่อกันเลยทีเดียว ใครอยากเที่ยวย่านนี้อย่างลึกซึ้ง สามารถนั่งรถลาก ชมบรรยากาศรอบๆพร้อมข้อมูลแน่นๆจากคนลากได้
ถัดมาจากย่านอาซากุสะก็เป็นย่านขายเครื่องครัวที่ชื่อว่ากัปปะบาชิ จุดเริ่มต้นของถนนนี้จะสังเกตได้จากตึกที่เป็นรูปลุงมีหนวดใส่หมวกกุ๊ก เดินตรงตลอดสองข้างทางยาวไปสุดถนน
โซนนี้ถนนยาว 2 ข้างทางเต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องครัว เหมาะกับคุณแม่บ้านสายคุกกิ้ง รักการทำอาหาร เพราะมีทั้งชุดเครื่องครัว จานชาม หม้อ กระทะ ทั้งแบบจริงจัดหนักแน่นสำหรับร้านอาหาร และแบบกุกกิ้กน่ารักสำหรับแม่บ้าน ไว้ทำครัวเบาๆให้สามีและลูกน้อย เดินเล่นไปเรื่อย เราจะเห็นชาวต่างชาติแวะมาซื้อมีดกันคนละหลายๆเล่ม เพราะความคูลของมีดญี่ปุ่นนั้น ขึ้นชื่อโด่งดังจนพ่อครัวต่างถิ่นต้องมาตามหาไปครอบครองเป็นเจ้าของกัน
ผมแนะนำให้มาซื้อเครื่องครัวที่นี่ นอกจากราคาจะถูกกว่าบ้านเราเยอะมากแล้ว ยังมีแบบและสีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องครัวสำหรับทำครัวร้อน เครื่องครัวสำหรับครัวเย็น หรืออุปกรณ์เบเกอรี่ พิมพ์เค้กหน้าตาแปลก จานเซรามิคสวยๆ สามารถเลือกซื้อได้จากที่นี่
คุณลุงกำลังขายหินลับมีดเป็นหินลับมีดที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ที่มือยังไม่นิ่ง จะลับได้เสมอกันทั้ง 2 ฝั่งเพราะสามารถปรับองศาได้คงที่
ตรงย่านอาซากุสะมีร้านคาเฟ่ ฮาลาล ชื่อ Sekai Café จากต้นถนน นากามิเสะ เดินเข้ามาประมาณ 2 ซอย แล้วเลี้ยวซ้าย จะเจอป้ายร้านสีเขียวๆ สามารถแวะพักทานขนม จิบชาสบายๆกันได้ หรือจะแวะฝากท้องสำหรับมื้อหลักก็ได้ เพราะที่ร้านมีอาหารให้บริการด้วย
นอกจากร้าน Sekai Café แล้ว ยังมีร้านราเมงฮาลาล ชื่อว่านาริตายะ Naritaya ร้านนี้เป็นร้านราเมงเล็กๆอยู่ติดกับวัดอาซากุสะ หากใครอยากมาลองชิม แนะนำให้มาก่อนเที่ยง เพราะช่วงกลางวันคนแน่นมาก อาจต้องรอคิวนาน
นอกจากร้านราเมงนี้ก็จะมีร้านซูชิ Sushi Ken เรามาทานมื้อกลางวันกันที่นี้ ร้านนี้มีที่นั่งแบบเค้าเตอร์บาร์และแบบโต๊ะ มี 2 ชั้น ให้สังเกตตึก ROX ร้านจะอยุ่ใกล้ๆตึก ROX มีป้ายร้านภาษาอังกฤษสังเกตได้ง่ายมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่หาค่อนข้างยาก
ถ้าเราเลือกนั่งด้านล่างจะเห็นเชฟปั้นซูชิกันสดๆ สำหรับLunch set เมนูมีให้เลือกทานค่อนข้างเยอะ แต่ว่าวันที่เราไปทาน สั่งจริงได้ไม่กี่เมนู ข้าวซูชิที่นี่ปรุงรสเป็นเอกลักษณ์ สีออกน้ำตาล รสชาติเปรี้ยวเค็มและหวานอ่อนๆ
มาดูหน้าตาอาหารกันดีกว่า เราสั่งชุดเบนโตะ และข้าวหน้าปลาดิบ จากเมนู lunch set เป็นข้าวซูชิ ท้อปหน้าด้วยไข่หวานและปู และเบนโตะเทมปุระ ปลาซาชิมิ และสั่งซูชิและโรลเพิ่ม จากเมนูหลัก
ที่เฟลสุดๆ ก็คือซูชิชีส เมนูประจำที่มาทีไรก็สั่งตลอด เป็นเมนูที่เราติดอกติดใจ แต่ครั้งนี้เสิร์ฟออกมาได้อย่างน่าผิดหวังดูไม่น่ากินและรสชาติเปลี่ยนไปมาก เลยลองเอารูปครั้งก่อนๆมาเทียบกัน ตั้งแต่ปี 2015-2018 ความชีสสส ที่หายไปเรือยๆๆ
ช่วงบ่ายเรามีโปรแกรมไปเที่ยว ฮาราจูกุ ย่านช้อปปิ้งแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นแต่งตัวสุดแนว สุดชิค ย่านนี้จะมีจะมีห้างหรือร้านค้า brandname ครบเกือบทุกแบรนด์ มีตังค์มาหมื่นหมดหมื่น มีแสนหมดแสน นอกจากร้านแบรนด์เนม ยังมีแหล่งรวมร้านขายของวินเทจและของมือสองสุดชิค บนถนนโอโมเตะซันโด (Omotesando) เป็นถนนช้อปปิ้งในย่านฮาราจูกุ
มีร้านขายรองเท้าของนักฟุตบอลชื่อดัง
ย่านนี้มีจุดชมวิวสวยๆ สามารถขึ้นมานั่งพัก ถ่ายรูปเล่นกันได้ที่ร้านสตาร์บัค ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของห้าง จากร้านนี้เราจะมองเห็นแยกสำคัญของย่านนี้ สาขานี้มีลูกค้าแน่นตลอด แต่ก็มีนั่งเอ้าดอร์รองรับลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง ถ้าขึ้นมาช่วงเย็นๆก่อนค่ำ จะเห็นวิวดวงอาทิตย์ตกสวยงาม
ถัดมาอีกนิด คือถนน Takeshita ถนน เส้นนี้ค่อนข้างวัยรุ่น มีเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขนม ร้านเครื่องสำอางมากมาย
สุดถนนนี้ มีฟู้ดคอร์ทอยู่ชั้น 2 ซึ่งมีร้านเคบับ ฮาลาล สามารถแวะซื้อเติมพลังก่อนลุยช้อปปิ้งกันได้
มื้อเย็น เราไปทาน กันที่ร้าน The Manhattan Fish Market เดินมาไม่ไกล จากโอโมเตะซันโด
The Manhattan Fish Market เป็นร้านอาหารทะเลสไตล์อเมริกัน โดยร้านให้เราเลือกวิธีการปรุงหลายแบบ เช่น ย่าง เผา อบ ทอด จุดเด่นคือซอสต่างๆ รสชาติอร่อยมาก จิ้มปลาทอดชิ้นโต กรอบนอกนุ่มใน
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินไปชิบูย่า เพื่อขึ้นรถไฟกลับที่พัก และไปชมแยกที่วุ่นวายที่สุด คือแยกชิบูย่า เราจะเห็นฉากนี้ได้จากภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง Fast and Furious ย่านนี้จะมีรถสวยๆวัยรุ่นแต่งรถมาโชว์กันมากมาย
…………. อย่าลืมติดตามกันต่อ EP หน้า
ใครยังไม่ได้อ่าน EP อื่นๆ ตามได้ทางนี้เลย>>
..Experience Every Moment ออกเดินทางค้นหาประสบการณ์ใหม่ เพื่อเกิดเป็นความทรงจำอันมีค่าสำหรับเรา… ไม่ออกเดินทาง ก็คงไม่มีทางรู้…