?? Abushi พากินถิ่น Japan ??
Abushi พากินเทียวแบบฮาลาล 7 วัน ที่โตเกียว
ทริปนี้เกิดขึ้นจากเสียงเรียกร้องของลูกค้าที่น่ารักหลายๆท่าน ที่อยากให้เราพาไปเที่ยวโตเกียวในรูปแบบที่แตกต่าง เน้นเที่ยวด้วยตัวเอง ชมภูเขาไฟฟูจิ และเที่ยวย่านดังของโตเกียว แบบเข้าถึงทุกซอกทุกมุม นั่งรถไฟแบบ Local และไปทานอาหารญี่ปุ่นร้านยอดนิยม ที่ได้รับรองฮาลาลในย่านต่างๆ
เนื่องจากทีมงานของเราไปสำรวจญี่ปุ่นบ่อยครั้ง จึงมีประสบการณ์ มีที่เที่ยวและร้านอาหารแนะนำหลายร้านเราจึงตัดสินใจจัดทริปพิเศษให้กับลูกค้า จัดเที่ยวถึง 7 วัน 7 คืน เที่ยวโตเกียวกันให้หนำใจ ไปทุกย่านสำคัญ เก็บทุกร้านที่โดนใจ อีกทั้งยังได้ไปชมบรรยากาศสวยๆที่ทะเลสาบ คาวากุจิ และชมภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
ความยากของทริปนี้ก็คือ เราจะใช้รถสาธารณะยังไง ให้เดินน้อยที่สุด และเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางหลากหลายวัย มีทั้งผู้ใหญ่ และ เด็กน้อย 2 ขวบ และเราเน้นการเที่ยวแบบเดินทางด้วยตนเอง ใช้รถสาธารณะ เพื่อให้ได้บรรยากาศการใช้ชีวิตในแบบฉบับของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ทริปนี้เราไปเที่ยวกันถึง7 วัน 7 คืนในราคาเพียง 29,900 บาท เดินทางด้วยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์บินแบบ full Service พักทรานซิสที่สิงคโปร์และเดินทางยาวต่อไปจนถึงสนามบินนาริตะ
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย…
เรานัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ 4 โมงเย็น เคาเตอร์ ตัว K กับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์บินแบบ full Service อุปกรณ์บนเครื่องบินครบครัน เดินทางยาวๆได้ไม่เบื่อแน่นอน มีจอส่วนตัวไว้ดูหนังเล่นเกมได้ตลอดทาง และที่สำคัญที่สุดสำหรับสายออนไลน์ผู้ติดมือถือ คือมีสายช้าตแบตมือถือด้วย ส่วนเรื่องอาหารนั่น เราได้ Request อาหารฮาลาลไว้ล่วงหน้า ก่อนเดินทาง อาหารที่ได้ก็เป็นข้าวกับมัสมั่นไก่รสชาติดี
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิถึงสิงคโปร์ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ แวะทรานสิทที่สิงคโปร์อีก 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ต่อเครื่องยาว 6 ชั่วโมงไปจนถึงสนามบินนาริตะ ก่อนถึงเราได้เห็นแสงอาทิตย์ตัดขอบฟ้าตอนรุ่งอรุณสวยงามมาก เครื่องบินลงจอดตรงเวลา 7.30 น.
เมื่อถึงสนามบินเราก็ไม่รอช้ารีบเร่งไปที่ร้านแรกที่เราวางโปรแกรมไว้ร้านนี้เป็นร้านอุด้งเส้นสด ที่เรามากี่ครั้งก็จะมาแวะตลอด เพราะเป็นร้านอาหารฮาลาลร้านเดียวในตึก Terminal 1 ของสนามบินนาริตะ
เป็นร้านอุด้งชื่อว่า Kineya Mugimaru เชฟของทางร้านจะนวดเส้นกันสดๆ วิธีการสั่งอาหารก็ไม่ยากเพียงแค่เลือกเมนูที่เราต้องการ
ถ้าหากว่าชอบท้อปปิ้งก็สามารถเลือกเพิ่มได้จะเป็นพวกเทมปุระ ไม่ว่าจะเป็นผักทอด กุ้งทอดเทมปุระ ฟักทองทอดเทมปุระ เลือกได้ตามใจชอบ หรือจะเพิ่มไข่ออนเซ็นก็สามารถเลือกได้ หรือถ้าใครยังไม่อิ่มก็มีข้าวปั้นโอนิกิริ
หลังจากเลือกเมนูเสร็จแล้วเราก็เดินมาเติมน้ำซุปเอง เติมได้ตามใจชอบ สามารถใส่เกล็ดเทมปุระต้นหอมเพิ่มเข้าไป เพื่อเพิ่มรสชาติเพิ่มความกรุบกรอบได้ตามใจชอบ
เมนูนี้เป็น Udon น้ำใสท็อปปิ้งด้วยเนื้อ น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม ทานคู่กับเนื้อได้รสชาติเนื้อเข้มข้น ทานด้วยกันอร่อยแบบลงตัว รสชาติไม่จัดจ้านแต่หอมน้ำซุปและกลิ่นของเนื้อ เพิ่มความกรุบกรอบด้วยฝักทองเทมปุระทานคู่กันไป
เมนูต่อมาเป็นอุด้งเย็น เส้นอุด้งจิ้มกับน้ำซุปโชยุ รสชาติเค็มนำและหอมกลิ่นปลา เส้นอุด้งเหนียวนุ่ม เหมาะสำหรับคนชอบเคี้ยว เพราะเส้นมีความเหนียวหนุบหนับเคี้ยวสนุกเป็นพิเศษถ้ากินแบบเย็น
สำหรับใครที่ชอบทานรสจัด ก็สามารถปรุงรสชาติเพิ่มได้ บนโต๊ะจะมีเครื่องปรุงต่างๆเช่น พริกซิชิมิและงาขาวให้เติมได้
ร้านนี้นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังมีจุดชมวิวที่สวยงาม ระหว่างที่รับประทานอาหารเราสามารถชมวิวบริเวณ Runway ดูเครื่องบินกำลัง Landing และ Take off ได้อีกด้วย
ทานเสร็จแล้วก็ไม่รอช้าเดินออกมาชมวิวด้านนอก เห็นวิวเครื่องบินชัดเจน บริเวณนี้จะมีช่างกล้องมาถ่ายรูปภาพเครื่องบินกันเป็นจำนวนมาก
เรามีเวลาทานอาหารค่อนข้างเยอะพอสมควร เนื่องจากเราจองรถบัสรอบ 10 โมงครึ่งเพื่อจะเดินทางไปที่ทะเลสาบคาวากุจิ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสำหรับการชมภูเขาไฟฟูจิ
รถบัสที่นี่ตรงเวลามากควรจะมารอรถก่อนเวลารถออกประมาณ 10 นาที ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ระหว่างทางจะได้แวะพักจุดพักรถเพื่อเข้าห้องน้ำหรือซื้อกาแฟ จุดพักรถนี้มีอาหารให้เลือกมากมายแต่สำหรับเราคงรับประทานไม่ได้ เพราะไม่มีอาหารฮาลาล แต่เราก็ได้ซื้อเสบียงตุนมาจากสนามบินเพื่อมาทานระหว่างทางเรียบร้อยครับ
อาหารที่จุดพักรถ
ห้องน้ำกว้างขวาง แถมมีป้ายไฟบอกห้องว่างอีกด้วย
พอมาถึงที่สถานีคาวากุจิโกะ ตามแผนที่วางไว้เราจะเที่ยวรอบทะเลสาบในวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากดูพยากรณ์อากาศจะมีฝนและหิมะตก เราจึงตัดสินใจเที่ยวในช่วงเย็นของวันนี้ เมื่อตกลงกันได้ไม่รอช้าเราเข้าไปติดต่อซื้อตั๋วรถที่วิ่งรอบทะเลสาบ บริเวณนี้จะมีรถให้บริการถึงสามสาย มีสายสีแดง สายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน แต่เราเลือกใช้สายสีแดงเนื่องจากสายสีแดงมีจุดเที่ยวสำคัญๆหลายแห่ง มีสะพานข้ามทะเลสาบ ร้านอาหารอินเดียฮาลาล จุดซื้อของฝาก
เราเลือกที่จะเดินทางไปสถานีสุดท้ายก่อน สุดเส้นทางจะมีคาเฟ่ ตรงนั้นเป็นมุมถ่ายรูป เห็นวิวทะเลสาปและมีวิวฟูจิอยู่ด้านหลังชัดเจน วันนี้เรามีโอกาสดีมากที่ฟูจิซังไม่ขี้อาย โผล่ออกมาให้เราได้เห็นกันอย่างชัดเจน
ตอนแรกเราคิดว่าจะใช้เวลาตรงจุดนี้เพียงแป๊บเดียวแต่เนื่องจากวิวตรงนี้สวยมาก จึงใช้เวลาค่อนข้างมากถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ นั่งจิบกาแฟพร้อมชมวิวของภูเขาไฟฟูจิ หลังจากนั้นเราไปเที่ยวต่อกันที่ Herb Hall เป็นร้านขายสินค้าต่างๆที่เกี่ยวกับสมุนไพร ดอกไม้ ทั้งลาเวนเดอร์ที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ กุหลาบ และดอกไม้นานาชนิด มีทั้งครีม เครื่องหอม ชา
หลังจากนั้นก็ไปหามื้อเย็นกินกันที่ร้านอินเดีย อยู่ระหว่าง bus stop ที่ 10 และ 11 ร้านนี้อาหารราคาค่อนข้างแพงและเจ้าของร้านดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่อาหารรสชาติดี เป็นประเภทข้าวหมก โรตี นานและแกงไก่รสชาติถึงเครื่องเทศในแบบฉบับปากี
หลังจากรับประทานเสร็จแล้วก็ขึ้นรถไปลงที่สถานีสุดท้ายของสายนี้เพื่อจะมารอรถที่พัก แต่เนื่องจากเรามาช้าและมืดเร็ว ร้านรอบๆก็ปิดหมดแล้ว จึงทำให้เราไม่สามารถติดต่อที่พักได้ สุดท้ายต้องไปขอให้ชาวบ้านช่วยโทรเรียกรถมาให้ ไม่กี่นาทีรถโรงแรมก็มารับพวกเรา โรงแรมนี้เป็น Guest House เล็กๆดูแลโดยสองสามีภรรยา เป็นที่นิยมของคนไทยมากในช่วงปีหลังนี้ เนื่องจากรีสอร์ทนี้มีจุดเด่นของบ่อแช่น้ำร้อนส่วนตัว และตกแต่งสวยงาม ที่พักเล็กๆ เป็นส่วนตัว มีห้องพักไม่กี่ห้อง แต่ละห้องสามารถเลือกช่วงเวลาสำหรับแช่น้ำร้อนเป็นส่วนตัวได้ เหมาะสำหรับคนไทยที่ขี้อายไม่กล้าแช่ออนเซนรวม
ห้องพักขนาดพอเหมาะ ชั้นล่างจะเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น มีฟูกนอน ด้านบนเป็นเตียงทวิน วันนี้เราเดินทางมาเหนื่อยมาก จึงรีบพักผ่อน
เช้านี้หิมะมาทักทายเรา หิมะปกคลุมไปทั่วดูสวยงามได้บรรยากาศไปอีกแบบนึง
สำหรับอาหารเช้าที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลเนื่องจากเราคุยกับเจ้าของที่พักว่าเราเป็นมุสลิมขออาหารฮาลาล อาหารที่นี่มีความอร่อยมาก เป็นอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เรียบง่าย เป็นอาหารเซ็ตประกอบไปด้วยข้าวญี่ปุ่นปลาอาจิย่างเกลือ สาหร่ายคอมบุปรุงรส ไข่หวาน ผงบุกต้มและแครอทหั่น ผักผัดน้ำมันงาและ สาหร่ายให้ความหอมเข้ากันเป็นอย่างดี อาหารที่นี่หน้าตาสวยงามรสชาติไม่จัดจ้าน แต่ได้รสชาติของวัตถุดิบอย่างแท้จริงรับรองได้เลยว่าต้องชอบแน่นอน และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกที่นี่เนื่องจากอาหารที่นี่ค่อนข้างอร่อย เราเคยมีโอกาสได้มาพักที่นี่แล้วประทับใจ เราจึงอยากแนะนำที่พักดีๆแบบนี้ให้กับลูกค้าเราด้วยครับ
วันนี้เรามีแผนเดินทางเข้าเมืองโตเกียวช่วงบ่าย แต่เนื่องจากฝนตกตลอดทั้งวัน ทำให้เที่ยวไม่สะดวก เราเลยลองติดต่อขอเลื่อนตั๋วบัสที่จองไว้ ขอรอบที่เร็วขึ้น สรุปว่ามีที่พอสำหรับกลุ่มเรา จึงได้เข้าโตเกียวเร็วขึ้นกว่ากำหนด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางโดยรถบัส จอดที่สถานีโตเกียวใจกลางเมือง จากสถานีโตเกียวเราก็เดินทางไปที่พักโดยใช้รถไฟ Subway เพียงแค่สถานีเดียว เราก็ถึงที่พัก Smile Hotel Nihonbashi Tokyo โรงแรมนี้อยุ่ติดกับรถไฟ Subway ใกล้มากๆ สถานีรถไฟอยู่หน้าโรงแรม แถมหน้าโรงแรมยังมีร้าน Lawson ข้ามฝากไปอีกถนนนึงเป็น 7-11 อีกหัวมุมนึงมี Family Mart เรียกได้ว่ามีร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นชื่อดังครบทุกแบรนด์
เดินทางเข้าที่พักละหมาดและพักผ่อนเล็กน้อยเพื่อจะนัดไปทานอาหารเย็น
วันนี้มื้อเย็นเรามีโปรแกรมว่าจะไปทานร้านแกงกะหรี่ Coco Curry House ของ Coco ichibanya เป็นร้านแกงกะหรี่เฟรนไชน์ชื่อดัง ร้านแรกที่ทำแบบฮาลาลตั้งอยู่ที่ย่าน Akihabara จากที่พักเราเดินทางด้วยรถไฟสาย Hibiya หรือสายสีเทา เพียง 3 สถานีใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงสถานี Akihabara ทางออก2 แล้วเดินตรงไปอีกเล็กน้อยก็จะเจอกับร้านแกงกะหรี่ สังเกตไม่ยากมีป้ายเขียวๆอยู่หน้าร้าน
ร้านนี้เสิร์ฟเฉพาะข้าวแกงกะหรี่และมีสลัดสำหรับทานคู่กัน สามารถสั่งกลับไปทานที่บ้านได้
ร้านเปิด 11 โมงถึง 4 ทุ่มครึ่ง ร้านไม่ใหญ่มากเป็นโต๊ะบาร์นั่งได้ประมาณ 12 ที่นั่ง กรุ๊ปเรามามา 15 คนนั่งกันแน่นร้านอบอุ่น
เราสั่งกันหลากหลายเมนู จานแรกจะเป็นแกงกะหรี่ไก่ทอดใช้สันในไก่ รสชาติของแกงกะหรี่มีความนวล กลิ่นไม่ฉุนเหมือนแกงกะหรี่ญี่ปุ่นทั่วไป รสชาติกลมกล่อม จานต่อมาเป็นแกงกะหรี่เนื้อสไลด์รสชาติเนื้อค่อนข้างมีกลิ่นคาว จานต่อมาเป็นแกงกะหรี่เนื้อสับและไส้กรอก จานสุดท้ายเป็นแกงกะหรี่ทะเลมีปลาหมึกกุ้ง
ถ้าใครชอบชีสก็สามารถเพิ่มชีสได้ให้ความรู้สึกเค็มๆมันๆ ร้านนี้ได้ตราฮาลาลจาก Nippon Asia Halal Association
เราสามารถเลือกปริมาณข้าว เลือกปริมาณความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ ปริมาณข้าวปกติ 300 กรัม ถ้าหากว่าเราเลือกจำนวนข้าวลดลงเหลือ 200 กรัม ราคาก็จะลดลง 50 เยน ส่วนความเผ็ดก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ห้างโยโดบาชิ เป็นห้างศูนย์รวมสินค้านานาชนิด เครื่องใช้ไฟฟ้า ชั้นบนสุดจะเป็นแหล่งรวมการ์ตูนอนิเมชั่น ของเล่น หุ่นยนต์ ให้เลือกซื้อมากมาย มีเครื่องเสียงราคาแพงหลักแสน หูฟังหลายหมื่น รองเท้ากีฬาเลือกได้ว่าครบทุกความต้องการ เดินเลยมาอีกนิดมีร้าน book Off เป็นร้านขายหนังสือมือสองชื่อดัง ศูนย์รวมหนังสือมือสองมากมายทุกประเภทหมวดหมู่ สาขานี้จะมีหนังสือการ์ตูนค่อนข้างเยอะ ใครเป็นแฟนการ์ตูน ถ้าหากว่ามาที่นี่คงชอบมาก
สเน่ห์ของการเที่ยวเองบางทีเราจะเจอปัญหาเฉพาะหน้า ที่นักเดินทางต้องหาทางแก้ไข ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเจอกับอะไร มันจะเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับเรา… ไม่ออกเดินทาง ก็คงไม่มีทางรู้…
ใครยังไม่ได้อ่าน EP อื่นๆ ตามได้ทางนี้เลย>>