30 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ต้องลองเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น เป็นประเทศยอดฮิต เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของใครหลายๆคน ด้วยวัฒนธรรม ความสะอาด ความเป็นระเบียบ และอาหารญี่ปุ่นที่ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีเสน่ห์เฉพาะตัว ใครไปก็หลงรัก และต้องกลับมาเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก ไปเที่ยวถึงถิ่นทั้งที่ก็ต้องลอง เมนู อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม มีอะไรบ้าง เรามาทำครวามรู้จักกับเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตกันเลย
1. ซูชิ (Sushi)
ซูชิ (Sushi) คือ อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายและรสชาติอันประณีตของอาหารญี่ปุ่น คำว่า “ซูชิ” จริงๆ แล้วหมายถึงอาหารที่ทำจากข้าวผสมน้ำส้มสายชูหมักผสมกับส่วนผสมต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึงอาหารทะเล ปลาหรือวัตถุดิบอื่น ๆ
ซูชิมีรากศัพท์มาจากคำว่า “สุ” (Su) ซึ่งหมายถึงข้าวสวยที่ผสมกับน้ำจิ้ม และ “ชิ” (Shi) หมายถึงปลาหรือวัตถุดิบอื่น ๆ ที่วางด้วย
เมนูซูชิประกอบด้วยสองส่วนหลัก ได้แก่ ข้าวที่ปรุงด้วยน้ำส้มสายชูและท็อปปิ้งหรือไส้ที่วางอยู่ด้านบนของข้าว ข้าวปรุงรสด้วยส่วนผสมของน้ำส้มสายชู น้ำตาล และเกลือเพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ท็อปปิ้งอาจแตกต่างกันมาก และอาจรวมถึงปลาดิบ อาหารทะเลปรุงสุก ผัก หรือแม้แต่ออมเล็ต ส่วนผสมได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อเติมเต็มข้าวและให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล
ซูชิมักเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องปรุงรส เช่น โชยุ วาซาบิ (พืชชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น) และขิงดอง การนำเสนอซูชิเป็นศิลปะในตัวเอง โดยใส่ใจในรายละเอียดในการจัดเรียง สีสัน และพื้นผิว สามารถเพลิดเพลินกับซูชิได้ที่ร้านซูชิแบบดั้งเดิม ร้านซูชิสายพาน หรือแม้แต่ซื้อกลับบ้าน
2. ซาชิมิ (Sashimi)
ซาซิมิเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก ประกอบด้วยปลาดิบหรืออาหารทะเลหั่นบาง ๆ โดยทั่วไปจะเสิร์ฟเป็นอาหารรสเลิศ และขึ้นชื่อเรื่องความสดสะอาดและรสชาติที่บริสุทธิ์ของวัตถุดิบแท้ๆที่ไร้การปรุงแต่ง ซาชิมิมักเสิร์ฟเดี่ยวๆ คู่กับซอส เช่น โชยุและวาซาบิ หรืออาจจัดเป็นส่วนหนึ่งของซูชิจานใหญ่ก็ได้
ปลาหรืออาหารทะเลที่ใช้ในซาชิมิได้รับการคัดสรรมาอย่างดีในด้านคุณภาพและรสชาติ ประเภทปลาที่ใช้ทำซาชิมิ ได้แก่ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาหางเหลือง(ปลาฮามาจิ) ปลาแมคเคอเรล เป็นต้น หัวใจสำคัญของการทำซาชิมิคือการเตรียมและการหั่นปลาอย่างพิถีพิถัน ซึ่งต้องใช้เทคนิคที่แม่นยำในการหั่นชิ้นที่บางและสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงเนื้อสัมผัสตามธรรมชาติและรสชาติของอาหารทะเล
เนื่องจากซาซิมิเป็นอาหารทะเลดิบ จึงควรเตรียมและเสิร์ฟด้วยความใส่ใจอย่างเคร่งครัดในเรื่องสุขอนามัยและมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยที่จะรับประทาน
3. ราเมง/ราเมน (Ramen)
ราเมงเป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีน้ำซุปและเส้นเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นอาหาร comfort food ที่ได้รับความนิยมและเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและรูปแบบที่หลากหลาย ราเมงมักมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้:
เส้นบะหมี่: เส้นราเมนมีหลายรสสัมผัสและความหนา เช่น บางหรือหนา หยิกหรือตรง เส้นมักจะทำจากแป้งสาลี น้ำ และบางครั้งก็ใส่ kansui (น้ำด่าง) ซึ่งทำให้เส้นบะหมี่มีเนื้อสัมผัสและสีที่แตกต่างกัน
น้ำซุป: น้ำซุปเป็นซุปที่มีรสชาติและมีกลิ่นหอมซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบหลักของราเมง น้ำซุปราเมนมีหลายประเภท ได้แก่ :
ทงคตสึ: น้ำซุปกระดูกหมูที่เข้มข้นและครีม
ไพตัน: น้ำซุปกระดูกไก่ สีขาว เข้มข้น
โชยุ: น้ำซุปจากซอสถั่วเหลืองที่มีรสเค็ม
ชิโอ: น้ำซุปใสและปรุงรสด้วยเกลือ
มิโซะ: น้ำซุปที่ทำจากเต้าเจี้ยวหมัก ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและหวานเล็กน้อย
อาหารทะเล: น้ำซุปที่ทำจากอาหารทะเลและบางครั้งก็มีรสชาติอื่นผสมกัน
ท็อปปิ้ง: ราเมงมักตกแต่งด้วยท็อปปิ้งหลากหลายเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส เช่น:
Chashu: เนื้อสัตว์ตุ๋นที่นุ่มและมีรสชาติ
Ajitama: ไข่ต้มกึ่งสุก หมักกับซอส ด้านนอกไข่จะมีสีเข้มของซอส ส่วนด้านในไข่แดงมีความเยิ้มเล็กน้อย
Nori: แผ่นสาหร่ายแห้ง
ต้นหอม: ต้นหอมซอย
Menma: หน่อไม้ดอง
ข้าวโพด เนย กระเทียม และส่วนผสมเพิ่มเติมอื่นๆ ตามสไตล์ราเมง
เครื่องปรุงรส: ราเมงสามารถปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซอสถั่วเหลือง น้ำมันพริก เมล็ดงา และเครื่องปรุงรสเผ็ด เช่น เต้าเจี้ยว (เต้าเจี้ยวรสเผ็ด) เพื่อปรับรสชาติตามความชอบของแต่ละคน
ราเมงในแต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นก็จะมีความหลากหลาย มีรูปแบบแตกต่างกันไปตามภูมิภาคที่หลากหลายในญี่ปุ่น โดยแต่ละภูมิภาคมีวิธีปรุงและเสิร์ฟอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
4. อุด้ง (Udon)
อุด้งเป็นอาหารประเภทเส้นยอดนิยมอีกประเภทหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างจากราเมน เส้นอุด้งนั้นหนาและเหนียวกว่าเส้นราเมง ทำจากแป้งสาลี น้ำ และบางครั้งก็ใส่เกลือเล็กน้อย เส้นอุด้งมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มลื่นเล็กน้อยซึ่งทำให้เส้นอุด้งแตกต่างจากเส้นประเภทอื่นๆ
อุด้งมีทั้งแบบร้อนและเย็น และมักนิยมรับประทานแบบเรียบง่ายหรือรับประทานกับท็อปปิ้งและเครื่องเคียงต่างๆ
อุด้งเป็นอาหารที่หลากหลาย มีรสชาติแสนอร่อย เช่นเดียวกับราเมง อุด้งยังมีรูปแบบตามภูมิภาคต่างๆ ที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงประเพณีการทำอาหารที่หลากหลายของญี่ปุ่น
5. เทมปุระ (Tempura)
เทมปุระเป็น อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ประกอบด้วยอาหารทะเล ผัก หรือส่วนผสมอื่นๆ ชุบแป้งทอด
ชื่อ “เทมปุระ” ยังไม่แน่ชัดนักว่ามาจากไหน บ้างก็ว่ามาจากคำภาษาโปรตุเกส Tempero” ซึ่งแปลว่าเครื่องปรุงรส บ้างก็ว่ามาจากภาษาละติน “Tempora” ซึ่งแปลว่าวันหยุดของชาวคาทอลิก เทมปุระเข้ามาสู่ญี่ปุ่นในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 (สมัยเอโดะ) โดยชาวโปรตุเกสได้เข้ามาทางจังหวัดนางาซากิ เกาะคิวชู เทมปุระได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของอาหารญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งเป็นที่รู้จักจากเนื้อสัมผัสที่เบาและกรอ
ขั้นตอนสำคัญในการทำเทมปุระคือเคลือบวัตถุุดิบด้วยแป้งเบา ๆ ที่ทำจากแป้ง น้ำ และบางครั้งส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ไข่หรือเบกกิ้งโซดา แป้งจะถูกผสมในเวลาสั้นๆ ซึ่งช่วยให้ได้ลักษณะการเคลือบที่เบาและโปร่ง เมื่อทอด
ส่วนผสมทั่วไปที่ใช้สำหรับเทมปุระ ได้แก่ :
อาหารทะเล: กุ้ง ปลาหมึก เนื้อปลา หอยเชลล์ และปู เป็นตัวเลือกอาหารทะเลที่ใช้กันทั่วไป
ผัก: ใช้ผักหลายชนิด เช่น มันเทศ มะเขือม่วง พริกหยวก ซูกินี เห็ด และถั่วเขียว
ส่วนผสมอื่นๆ: ตัวเลือกเทมปุระที่สร้างสรรค์บางอย่างอาจรวมถึงชีส เต้าหู้ หน่อไม้ฝรั่ง และแม้แต่ของตามฤดูกาล เช่น กลีบซากุระ (ดอกซากุระ)
นำส่วนผสมที่ชุบแป้งแล้วไปทอดในน้ำมันจนเหลืองกรอบ โดยทั่วไปแล้วเทมปุระจะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มที่เรียกว่า “เทนสึยุ” ซึ่งทำจากดาชิ (น้ำสต็อกสำหรับปรุงอาหารญี่ปุ่น) ซอสถั่วเหลือง มิริน จิ้มเทมปุระลงในซอสก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
มักนิยมรับประทานเทมปุระเป็นอาหารจานหลัก โดยเสิร์ฟบนจานกับข้าวสวยและซุปมิโสะหนึ่งถ้วย นอกจากนี้ยังสามารถเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยหรือเป็นส่วนหนึ่งของอาหารหลายคอร์สขนาดใหญ่ที่เรียกว่าไคเซกิ ศิลปะของการทำเทมปุระอยู่ที่การบรรลุความสมดุลของความกรอบในขณะที่ยังคงรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสตามธรรมชาติของวัตถุดิบ
6. ยากิโทริ (Yakitori)
ยากิโทริเป็น อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ประกอบด้วยชิ้นไก่เสียบไม้และย่าง มักเสิร์ฟเป็นของคาว ขนาดพอดีคำ ชื่อ “ยากิโทริ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “ยากิ” (ย่าง) และ “โทริ” (นกหรือไก่) ซึ่งบ่งบอกถึงส่วนผสมหลักและวิธีการทำเมนููนี้
ยากิโทริเป็นอาหารที่พบได้ทั่วไปในอิซากายะ (ผับญี่ปุ่น) แผงขายอาหารริมทาง และร้านอาหารทั่วญี่ปุ่น อาหารจานนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเรียบง่ายและอร่อย ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือน
ขั้นตอนการทำยากิโทริ คือการนำไก่ ส่วนต่างๆหั่นเป็นชิ้นเล็กและนำไปเสียบไม้ เช่น อก ต้นขา ปีก ตับ หัวใจ และกึ๋น จากนั้นนำไก่เสียบไม้ไปย่างบนเตาถ่าน ทำให้ได้กลิ่นควันที่โดดเด่นและด้านนอกที่ไหม้เกรียมเล็กน้อย ยากิโทริจะปรุงรสด้วยเกลือ หรือซอส ทาเระ โดยทาไปบนไก่ขณะย่าง ให้ตัวไก่เคลือบซอสในปริมาณที่พอเหมาะ เพิ่มรสชาติของไก่
ยากิโทริมักเสิร์ฟเป็นของว่างหรืออาหารเรียกน้ำย่อยแบบสบายๆ โดยมีเสียบไม้หลายอันวางบนจาน เป็นเรื่องปกติที่จะสั่งยากิโทริเสียบไม้หลายๆ แบบเพื่อเพลิดเพลินกับการตัดและรสชาติที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มได้ ทำให้เป็นที่นิยมในอิซากายะที่ผู้คนมาสังสรรค์และผ่อนคลาย
นอกจากไก่ แล้วยังมียากิโทริยังรวมไปถึงอาหารเสียบไม้ย่างอื่นๆ เช่น “ยากิทง” (หมูย่างเสียบไม้) และ “ยากิคุชิ” (ผักเสียบไม้ย่าง) ความหลากหลายเหล่านี้มีรสชาติและทางเลือกที่กว้างขึ้นสำหรับผู้ที่อาจมีความชอบนอกเหนือจากไก่
7. โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)
โอโคโนมิยากิเป็นแพนเค้กญี่ปุ่นที่มักเรียกกันว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” หรือ “แพนเค้กญี่ปุ่น” ชื่อ “โอโคโนมิยากิ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “โอโคโนมิ” (แปลว่า “สิ่งที่คุณชอบ” หรือ “สิ่งที่คุณต้องการ”) และ “ยากิ” (แปลว่า “ย่าง” หรือ “สุก”) สิ่งนี้สะท้อนถึงลักษณะของอาหารเป็นการสร้างสรรค์ที่ปรับแต่งได้ ซึ่งคุณสามารถเลือกและเพิ่มส่วนผสมต่างๆ ตามความชอบของคุณ
โอโคโนมิยากิโดยทั่วไปประกอบด้วยแป้งที่ทำจากแป้ง ไข่ กะหล่ำปลีฝอย และส่วนผสมอื่นๆ จากนั้นนำส่วนผสมนี้ไปปรุงบนตะแกรงหรือกระทะร้อน จนได้แพนเค้กหนานุ่มน่ารับประทาน ไส้และท็อปปิ้งอาจแตกต่างกันไป และมักจะทำให้โอโคโนมิยากิแต่ละอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
โอโคโนมิยากิมี 2 แบบหลัก: สไตล์โอซาก้าและสไตล์ฮิโรชิมา สไตล์โอซาก้าผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันก่อนปรุงอาหาร ทำให้ได้แพนเค้กที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน สไตล์ฮิโรชิมะจะวางส่วนผสมเป็นชั้นๆ และมีเส้นบะหมี่อยู่ระหว่างชั้น ทำให้ได้จานที่ซับซ้อนและมีน้ำหนักมากขึ้น
มักนิยมรับประทานโอโคโนมิยากิในร้านอาหารเฉพาะ ซึ่งลูกค้าสามารถปรุงอาหารได้เองบนแผ่นเหล็กที่ติดตั้งไว้บนโต๊ะ หรือให้เชฟปรุงให้ก็ได้ เป็นอาหารที่สนุก ปรับแต่งเองได้ตามรสชาติทึ่แต่ละคนชื่นชอบ
8. กิวคัตสึ (Gyukatsu)
กิวคัตสึเป็น อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ประกอบด้วยเนื้อชุบเกล็ดขนมปังทอด ชื่อ “กิวคัตสึ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “กิว” (แปลว่า เนื้อ) และ “คัตสึ” (ย่อมาจาก “คัตสึเระสึ” แปลว่า เนื้อทอด
อาหารจานนี้ทำโดยนำเนื้อมาชุบแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง ปังโกะ (เกล็ดขนมปังสไตล์ญี่ปุ่น) เกล็ดขนมปังของ Panko สร้างเนื้อสัมผัสที่เบาและกรอบเมื่อทอด ในขณะที่แป้งและไข่ช่วยให้เกล็ดขนมปังติดกับเนื้อ จากนั้นนำเนื้อชุบเกล็ดขนมปังทอดจนเหลืองกรอบด้านนอกในขณะที่ยังคงความนุ่มด้านใน
กิวคัตสึมักเสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำปลีฝอย ข้าว และซอสเปรี้ยวที่เรียกว่า “ซอสทงคัตสึ” ซอสทงคัตสึคล้ายกับซอสสไตล์ Worcestershire ที่มีรสหวานและเค็มที่เข้ากันได้ดีกับของทอด ตกแต่งเพิ่มด้วยมะนาวฝานเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว
ความหลากหลายของคัตสึอาจรวมถึงเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น ทงคัตสึ (คัตสึหมู) ไก่ (คัตสึไก่) หรืออาหารทะเล (คัตสึซีฟู้ด) และสามารถเสิร์ฟอาหารได้หลายวิธี เช่น ในแซนวิชหรือเป็นจานหลักของชุดอาหาร
ทงคัตสึเป็นอาหารยอดนิยมที่พบในร้านอาหารญี่ปุ่นหลายแห่ง ตั้งแต่ร้านอาหารแบบสบายๆ ไปจนถึงร้านหรูๆ เป็นที่ชื่นชอบของเนื้อสัมผัสที่กรอบและน่ารับประทาน และมักถูกมองว่าเป็นอาหารทานเล่นในญี่ปุ่น
9. สุกี้ยากิ (Sukiyaki)
สุกี้ยากี้เป็นอาหารประเภทหม้อไฟยอดนิยมของญี่ปุ่นที่มีเนื้อสไลด์บาง ผัก และส่วนผสมอื่นๆ ปรุงในน้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้นจากถั่วเหลืองหรือโชยุเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นอาหารที่รับประทานกันในงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยผู้รับประทานอาหารจะปรุงส่วนผสมที่โต๊ะโดยใช้เตาแบบพกพาหรือหม้อไฟในตัว
มักนิยมรับประทานสุกี้ยากี้ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็นเพื่อเป็นอาหารที่อบอุ่นและอิ่มเอมใจ เป็นเมนูที่ต้องร่วมกันทำ ช่วยกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์และการแบ่งปันกัน ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
10. ทาโกะยากิ (Takoyaki)
ทาโกะยากิเป็นอาหาร Street Food อาหารทานเล่นยอดนิยมของญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดในโอซาก้า เป็นของว่างทรงกลมที่ทำจากแป้ง น้ำ ไข่ และส่วนผสมอื่นๆ สอดไส้ด้วยปลาหมึกหั่นเต๋า (ทาโกะ) เศษเทมปุระ ต้นหอม และขิงดอง ส่วนผสมนี้ปรุงในกระทะทาโกะยากิแบบพิเศษพร้อมแม่พิมพ์ครึ่งทรงกลม สร้างรูปทรงที่โดดเด่น
ขั้นตอนการทำทาโกะยากิ เทแป้งลงในแม่พิมพ์แล้วเติมไส้ เมื่อแป้งเริ่มสุก ก็ใช้ไม้ค่อยๆจิ้มตัวแป้งทาโกะยากิให้เป็นก้อนกลมอย่างชำนาญ เมื่อด้านนอกของลูกทาโกะยากิกลายเป็นสีทองและกรอบ จะมีการพลิกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าสุกทั่วถึงกัน
ทาโกะยากิแบบดั้งเดิม ปรุงรสด้วยซอสรสหวานเค็ม คล้ายกับซอสโอโคโนมิยากิ จากนั้นราดด้วยมายองเนส ผงปลาแห้ง และผงสาหร่ายผง (อาโอโนริ) เพื่อเพิ่มรสชาติและให้ดูสวยงามน่ากิน เนื้อสัมผัสของทาโกะยากิจะกรอบนอกนุ่มใน และมีซอสหวานๆเค็มๆ
มักเสิร์ฟทาโกะยากิเป็นชุดๆ ละหกหรือแปดชิ้น โดยทั่วไปจะจัดในถาดกระดาษหรือจานเล็กๆ เป็นอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมในงานเทศกาล งานแสดงสินค้า และแผงขายอาหารในญี่ปุ่น และยังมีจำหน่ายในร้านทาโกะยากิโดยเฉพาะอีกด้วย
ทาโกะยากิได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวงการอาหารของโอซาก้าและเป็นที่รักของคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่ความอร่อยเท่านั้นแต่ยังรวมถึงความสนุกที่ได้ยืนดูตอนทำและน่าจดจำของวัฒนธรรมอาหารริมทางของญี่ปุ่นอีกด้วย
11. ชิราชิด้ง (Chirashidon)
Chirashidon มักเรียกกันง่ายๆ ว่า “chirashi” เป็นจานข้าวญี่ปุ่นประเภทหนึ่งที่มีซาชิมิ (ปลาดิบหั่นบาง ๆ หรือหั่นเต๋า) หลากสีสัน ผัก และท็อปปิ้งอื่น ๆ วางบนชามข้าวซูชิน้ำส้มสายชู คำว่า “ชิราชิ” แปลว่า “กระจัดกระจาย” หรือ “โรย” ซึ่งสะท้อนถึงวิธีการจัดเรียงส่วนผสมอย่างมีศิลปะบนข้าว
เป็นอาหารยอดนิยมในโอกาสพิเศษและงานเฉลิมฉลองเนื่องจากการนำเสนอที่มีชีวิตชีวาและรสชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
ส่วนประกอบหลักของ chirashidon ได้แก่ :
- ซาซิมิ โดยทั่วไปจะใช้ซาชิมิสดและคุณภาพสูงหลายประเภท เช่น ทูน่า (มากุโระ) แซลมอน ปลาหางเหลือง (ฮามาจิ) กุ้ง (เอบิ) ปลาหมึกยักษ์ (ทาโกะ) และอื่นๆ . ซาชิมิมักจะหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำและวางบนข้าวอย่างสวยงาม
- ผัก เพิ่มผักที่มีสีสันและกรอบเพื่อดึงดูดสายตาและรสสัมผัส ได้แก่ หัวไชเท้าฝอย แตงกวา อะโวคาโดฝาน และผักดอง
- ท็อปปิ้ง ชิราชิดงอาจรวมถึงท็อปปิ้งอย่างทามาโกะ (ไข่หวานญี่ปุ่น) อิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน) โทบิโกะ (ไข่ปลาบิน) และสาหร่ายเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส
- ข้าวญี่ปุ่นปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู ส่วนประกอบหลักของชิราชิด้งคือข้าวซูชิที่ปรุงด้วยน้ำส้มสายชู ซึ่งมีรสหวานเล็กน้อยและปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูจากข้าว ตัวข้าวเป็นฐานรองสำหรับท็อปปิ้งและให้รสชาติที่สมดุลและเสริมกัน
Chirashidon ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในแง่ของการเลือกส่วนผสมและการนำเสนอ เป็นจานที่ดึงดูดสายตาและอร่อยซึ่งแสดงถึงความสวยงามของอาหารญี่ปุ่น การผสมผสานของอาหารทะเลสด สีสันที่สดใส และรสชาติที่สมดุลทำให้ชิราชิด้งเป็นอาหารมื้อพิเศษและเฉลิมฉลอง
12. ยากิโซบะ (Yakisoba)
ยากิโซบะเป็นอาหารประเภทบะหมี่ยอดนิยมของญี่ปุ่นซึ่งประกอบด้วยเส้นหมี่ผัด ผัก และเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเล ชื่อ “ยากิโซบะ” แปลว่า “บะหมี่ผัด” ในภาษาญี่ปุ่น และเป็นอาหารที่อร่อยและน่ารับประทานซึ่งหาทานได้ทั่วไป งานเทศกาล แผงขายอาหารริมทาง และร้านอาหาร
แม้จะมีชื่อว่า “โซบะ” แต่บะหมี่ยากิโซบะไม่ได้ทำมาจากแป้งบัควีทเหมือนบะหมี่โซบะแบบดั้งเดิม แต่ทำจากแป้งสาลีและมีลักษณะคล้ายกับบะหมี่ราเมนแทน
การเตรียมยากิโซบะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
- บะหมี่ อาหารจานนี้เริ่มต้นด้วยบะหมี่ข้าวสาลีลวกจนสุก จากนั้นผัดบะหมี่เหล่านี้จนเป็นสีน้ำตาลอ่อนเล็กน้อย
- ส่วนผสม ใส่ส่วนผสมต่างๆ ลงในบะหมี่ รวมถึงผักที่หั่นเป็นเส้น เช่น กะหล่ำปลี แครอท และพริกหยวก สามารถใส่ส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น เนื้อ ไก่ กุ้ง หรือปลาหมึกสไลซ์
- ซอส ซอสยากิโซบะรสเค็มและหวานเล็กน้อยจะถูกเพิ่มลงในบะหมี่และส่วนผสมต่างๆ ซอสมักทำมาจากส่วนผสมอย่างซีอิ๊วขาว วูสเตอร์ซอส ซอสหอยนางรม และซอสมะเขือเทศในบางครั้งเพื่อความหวานและสีสัน
- เครื่องปรุงรส สามารถปรุงรสอาหารด้วยเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น เกลือ พริกไทย และเครื่องเทศในบางครั้งเพื่อเพิ่มรสชาติ
- เครื่องปรุง ยากิโซบะมักจะโรยหน้าด้วยเครื่องโรยหน้า เช่น ผงปลาโอแห้ง สาหร่าย (สาหร่ายสีเขียวเกล็ด) และบางครั้งขิงดองเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส
ยากิโซบะขึ้นชื่อเรื่องเนื้อสัมผัสที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เส้นผัดที่เหนียวหนึบเล็กน้อยและผักที่ให้ความกรุบกรอบสดชื่น เป็นอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมอย่าแพร่หลายและเป็นอาหารประจำเทศกาล และยังพบได้ทั่วไปในร้านอาหารจานด่วนของญี่ปุ่นและร้านอิซากายะ (ผับญี่ปุ่น)
แม้จะเรียบง่าย แต่ยากิโซบะก็มีรสชาติที่เข้มข้นและน่าพึงพอใจซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย เป็นตัวอย่างความอร่อยของอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ
13. ยากินิกุ (Yakiniku)
ยากินิกุเป็นรูปแบบการรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม เป็นการย่างเนื้อสัตว์ขนาดพอดีคำ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู และบางครั้งก็เป็นไก่ คำว่า “ยากินิกุ” แปลว่า “เนื้อย่าง” ในภาษาญี่ปุ่น และเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหาร ที่ผู้รับประทานอาหารปรุงเนื้อเองตามระดับความสุกที่ต้องการ
ในร้านอาหารประเภทยากินิกุ ผู้รับประทานอาหารมักจะนั่งที่โต๊ะที่มีเตาย่างในตัวหรือเตาย่างแบบพกพา เมนูนี้นำเสนอเนื้อสัตว์หลากหลายชนิด ซึ่งมักจะรวมถึงเนื้อลายหินอ่อน (เช่น เนื้อวากิว) หรือเนื้อส่วนอื่นๆ เสิร์ฟมาแบบดิบ ไม่ปรุงรส
การทำยากินิคุ คือการย่างเนื้อสัตว์ที่โต๊ะ โดยใช้ที่คีบหรือตะเกียบเพื่อวางเนื้อบนตะแกรง ปรุงอาหารให้ได้ระดับความสุกที่ต้องการ เพลิดเพลินกับน้ำจิ้มหรือเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น เกลือ น้ำมันงา หรือทาเระ (น้ำจิ้มรสหวานและเผ็ด) เพื่อเพิ่มรสชาติของเนื้อย่าง
ยากินิคุไม่ได้จำกัดอยู่แค่เนื้อเท่านั้น ร้านอาหารหลายแห่งยังมีเครื่องเคียงและเครื่องเคียงหลากหลาย เช่น ผัก กิมจิ บะหมี่ และข้าว อาหารเหล่านี้สามารถย่างพร้อมกับเนื้อสัตว์หรือรับประทานแยกกันได้
ยากินิกุเป็นประสบการณ์การรับประทานแบบกลุ่มใหญ่ สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน เป็นโอกาสที่จะสร้างความผูกพันระหว่างการย่างร่วมกัน เพลิดเพลินกับคุณภาพและรสชาติของเนื้อสัตว์ที่กำลังปรุง
14. ข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon)
Gyudon เป็น อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ซึ่งประกอบด้วยเนื้อ (กิว) สไลซ์บาง ๆ ปรุงกับหัวหอมและเสิร์ฟบนชามข้าวสวย ชื่อ “กิวด้ง” มาจากการรวมกันของ “กิว” (เนื้อวัว) และ “ด้ง” (ย่อมาจากคำว่า ดงบุริ ซึ่งหมายถึงชามข้าวที่มีท็อปปิ้ง)
Gyudon เป็นอาหารดงบุริประเภทหนึ่งที่มีเนื้อสัตว์วางไว้บนข้าว อาหารจานนี้เป็นที่รู้จักจากรสชาติที่เค็มและหวานเล็กน้อย ทำให้เป็นตัวเลือกมื้อด่วนที่สะดวกสบายอิ่มท้อง
การทำกิวด้ง ต้องนำเนื้อวัวมาสไลซ์ให้บาง ใส่หัวหอมสไลซ์ ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง มิริน (ไวน์ข้าวหวาน) น้ำตาล และบางครั้งสาเก (ไวน์ข้าวญี่ปุ่น) เนื้อและหัวหอมเคี่ยวจนนุ่มและซึมซับรสชาติได้ดี จากนั้นจึงตักส่วนผสมราดบนชามข้าวสวย มักจะเสิร์ฟพร้อมกับโรยต้นหอมสับด้านบนเพื่อความสดและสีสัน หรืออาจจะเพิ่มท็อปปิ้งอย่างไข่ลวก ขิงดอง หรือแม้แต่หัวไชเท้าขูด
เนื่องจากความอร่อยและความสะดวกสบาย กิวด้งจึงเป็นอาหารยอดนิยมที่พบได้บ่อยในร้านฟาสต์ฟู้ดของญี่ปุ่น รวมถึงร้านอาหารกิวด้งโดยเฉพาะ เป็นตัวเลือกมื้ออาหารที่รวดเร็วและสะดวก เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย
15. โซบะ (Soba)
โซบะเป็นบะหมี่ญี่ปุ่นประเภทหนึ่งที่ทำจากแป้งโซบะ (buckwheat) เป็นส่วนผสมที่หลากหลายและเป็นที่นิยมในอาหารญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักเพราะมีรสชาติที่โดดเด่นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เส้นโซบะมีลักษณะบางและยาว คล้ายกับสปาเก็ตตี้ และสามารถเสิร์ฟในอาหารได้หลากหลาย
เส้นโซบะมีสองประเภทหลัก:
ซารุโซบะ: ซารุโซบะหมายถึงบะหมี่โซบะเย็นที่มักเสิร์ฟบนเสื่อไม้ไผ่ (ซารุ) และเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มที่เรียกว่า “สึยุ” สึยุทำมาจากซอสถั่วเหลือง มิริน (ไวน์ข้าวหวาน) ดาชิ (น้ำสต็อกสำหรับปรุงอาหารญี่ปุ่น) และเครื่องปรุงรสอื่นๆ จุ่มบะหมี่เย็นลงใน tsuyu ก่อนรับประทานอาหาร
Kakesoba: Kakesoba หมายถึงบะหมี่โซบะร้อนที่เสิร์ฟในชามน้ำซุปร้อน น้ำซุปจะคล้ายกับ tsuyu ที่ใช้สำหรับ zarusoba แต่มักจะเจือจางเล็กน้อยเพื่อสร้างซุปที่มีรสชาติกลมกล่อม โรยหน้าด้วยต้นหอม เศษเทมปุระ และส่วนผสมอื่นๆ เช่น คามาโบโกะ (ทอดมันปลา) หรือโนริ (สาหร่าย)
โซบะยังนิยมรับประทานในอาหารอื่นๆ เช่น ผัดและสลัดก๋วยเตี๋ยว สามารถทำจากแป้งบัควีทล้วน ๆ หรือส่วนผสมระหว่างบัควีทและแป้งสาลีที่เรียกว่า “นิฮาจิโซบะ” (บัควีท 80% และข้าวสาลี 20%)
นอกจากรสชาติและเนื้อสัมผัสที่อร่อยแล้ว เส้นโซบะยังเป็นที่รู้จักในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย บัควีทเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดและอุดมไปด้วยสารอาหาร ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ บะหมี่โซบะยังถือเป็นตัวเลือกที่มีแคลอรีต่ำเมื่อเทียบกับบะหมี่ประเภทอื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
16. คุชิคัตสึ (Kushikatsu)
คุชิคัตสึเป็นเมนู อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ประกอบด้วยส่วนผสมต่างๆ เสียบไม้และทอด โดยมักเป็นผัก เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล ชื่อ “คุชิคัทสึ” มาจากคำว่า “คุชิ” (ไม้เสียบ) และ “คัทสึ” (ย่อมาจาก “คัตสึเระสึ” ที่แปลว่าเนื้อทอด)
คุชิคัตสึขึ้นชื่อเรื่องความกรอบนอกนุ่มในและรสชาติที่สร้างสรรค์จากการชุบแป้งและทอด อาหารจานนี้มีต้นกำเนิดในโอซาก้าและกลายเป็นอาหารริมทางอันเป็นที่รักและขึ้นชื่อในภูมิภาคนี้
ขั้นตอนการทำคุชิคัตสึมีขั้นตอนดังต่อไปนี้:
- ส่วนผสม ใช้ส่วนผสมหลายอย่าง เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ อาหารทะเล (เช่น กุ้งและปลาหมึก) ผัก (เช่น มะเขือม่วง มันเทศ และหัวหอม) และแม้แต่ชีส
- แป้ง ส่วนผสมจะถูกเคลือบด้วยแป้งที่กรอบและเบา ทำจากแป้ง ไข่ และบางครั้งก็เป็นเกล็ดขนมปังหรือปังโกะ (เกล็ดขนมปังสไตล์ญี่ปุ่น) แป้งช่วยสร้างความกรุบกรอบอันเป็นเอกลักษณ์ของคุชิคัตสึเมื่อนำไปทอด
- การทอด นำส่วนผสมเสียบไม้และชุบแป้งแล้วทอดจนเป็นสีเหลืองทองและกรอบ กระบวนการทอดช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสให้กับจาน
- ซอส เมื่อสุกแล้ว คุชิคัตสึเสียบไม้จะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มส่วนกลางที่เรียกว่า “ซอสทงคัตสึ” ซอสนี้คล้ายกับซอส Worcestershire และมีรสเค็ม หวานเล็กน้อย และมีรสเปรี้ยว
- **กฎและมารยาท:** มีกฎและมารยาทบางประการที่ต้องปฏิบัติตามเมื่อทานคุชิคัตสึ ตัวอย่างเช่น ไม่จุ่มไม้เสียบกลับเข้าไปในซอสส่วนกลางหลังจากกัดแล้ว เพื่อรักษาสุขอนามัยและป้องกันการปนเปื้อน
ร้านคุชิคัตสึมักจะเตรียมน้ำจิ้มและเครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากซอสทงคัตสึแล้ว คุณอาจพบมัสตาร์ด เกลือ และเครื่องปรุงรสอื่นๆ
Kushikatsu เป็นการทานอาหารที่สนุกและเข้าสังคมในการเพลิดเพลินกับรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ผสมผสานกัน และเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการรับประทานอาหารแบบสบาย ๆ ในโอซาก้าและภูมิภาคอื่น ๆ ของญี่ปุ่น เป็นอาหารที่รวบรวมแก่นแท้ของวัฒนธรรมอาหารริมทางของญี่ปุ่นและเป็นที่เพลิดเพลินของทั้งคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือน
17. ข้าวหน้าปลาไหล อุนาด้ง Unadon
Unadon(うな丼) ข้าวหน้าปลาไหล เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีปลาไหลย่าง (unagi) ราดด้วยซอสหวานและเค็ม เสิร์ฟบนชามข้าวสวย ชื่อ “อุนาด้ง” มาจากการรวมกันของ “อุนางิ” (ปลาไหล) และ “ด้ง” (ย่อมาจากคำว่า ดงบุริ ซึ่งหมายถึงชามข้าวที่มีท็อปปิ้ง)
Unadon เป็น อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่มักรับประทานในโอกาสพิเศษหรือเป็นของว่างเนื่องจากความเข้มข้นและรสชาติของปลาไหล
เนื่องจากการเตรียมที่ต้องทำอย่างพิถีพิถัน อูนาด้งจึงมักถูกมองว่าเป็นอาหารที่หรูหราและพิเศษ เป็นอาหารที่เน้นความกลมกล่อมระหว่างซอสหวานและรสชาติที่ละเอียดอ่อนของปลาไหลย่าง เพลิดเพลินกับ ข้าวหน้าปลาไหลได้ในร้านอาหารปลาไหลย่างเฉพาะ เป็นเมนูยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น
18. เทนดง (Tendon)
Tendon คือเมนูที่มีส่วนผสมของเทมปุระ ข้าวญี่ปุ่นน และราดด้วยซอส คำว่า “tendon” เป็นตัวย่อของ “tenpura donburi” โดยที่ “tenpura” เป็นวิธีการเขียนแบบสมัยเก่าของ “tempura”
Tendon หรือ “เทมปุระดงบุริ” เป็นอาหารประเภทดงบุริ โดย “ดงบุริ” หมายถึงชามข้าวที่มีท็อปปิ้ง และ “เทมปุระ” หมายถึงอาหารทะเลและผักชุบแป้งทอด
เทมปุระในเทนดงสามารถใส่วัตถุดิบต่างๆ เช่น กุ้ง ปลา ปลาหมึก มะเขือม่วง มันเทศ เห็ด และอื่นๆ นำส่วนผสมเหล่านี้ไปชุบแป้งที่กรอบและเบา ทำจากแป้ง น้ำ เครื่องปรุงรส จากนั้นนำเทมปุระไปทอดจนเหลืองกรอบ
เมื่อเทมปุระพร้อมแล้ว ก็วางบนชามข้าวและเสิร์ฟพร้อมกับซอสปรุงรสที่เรียกว่า “เทนสึยุ” เท็นสึยุทำมาจากดาชิ (น้ำสต็อกสำหรับทำอาหารญี่ปุ่น) ซอสถั่วเหลือง มิริน (ไวน์ข้าวหวาน) และน้ำตาลในบางครั้ง ซอสเพิ่มรสชาติที่เต็มและหวานเล็กน้อยซึ่งช่วยเสริมความกรอบของเทมปุระและข้าว
เทนดงมักจะตกแต่งด้วยต้นหอมสับ หัวไชเท้าขูด และบางครั้งก็โรยงา การผสมผสานระหว่างเทมปุระกรุบกรอบ ข้าวเนื้อนุ่ม และซอสปรุงรสทำให้เทนดงเป็นตัวเลือกมื้ออาหารยอดฮิตได้ไม่ยาก
เทนด้งสามารถหาซื้อได้ในร้านเทนด้งหรือร้านเทมปุระบางแห่งในญี่ปุ่น
19. ข้าวหน้าไก่ (Oyakodon)
ข้าวหน้าไก่ Oyakodon เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมในชามข้าวที่ประกอบด้วยไก่ ไข่ แล้วเสิร์ฟบนชามข้าวสวย ชื่อ “oyakodon” มาจากคำภาษาญี่ปุ่น “oya” (พ่อแม่) และ “ko” (ลูก) ซึ่งหมายถึงการใช้ทั้งไก่และไข่ในการปรุงอาหารจานนี้ตามลำดับ
การเตรียม oyakodon นำไก่ไม่มีกระดูกและหัวหอมสไลซ์ชิ้นขนาดพอดีคำ ปรุงรสด้วย dashi (น้ำสต็อกสำหรับทำอาหารญี่ปุ่น), ซอสถั่วเหลือง, มิริน และน้ำตาล นำไก่และหัวหอมเคี่ยวในน้ำซุปดาชิและเครื่องปรุงรส ใส่ไข่ผสมลงไปตีเบา จะได้ไข่ที่มีรสชาตินุ่มนวลในน้ำซุปร้อนๆ สร้างเนื้อครีมคล้ายคัสตาร์ดเล็กน้อยที่เคลือบไก่และหัวหอม
จากนั้นนำไก่ หัวหอม และไข่วางราดบนข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ โรยหน้าด้วยต้นหอมสับ หรือโรยด้วยปลาโอเพื่อเพิ่มรสชาติอูมามิ ได้รสชาติที่นุ่มนวลและอบอุ่น ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับมื้ออาหารที่รวดเร็วและสะดวกสบาย
เช่นเดียวกับอาหารดงบุริอื่น ๆ ข้าวหน้าไก่ มีจำหน่ายทั่วไปในร้านอาหารญี่ปุ่นและผู้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเพลิดเพลินได้ เป็นอาหารที่แสดงถึงความเรียบง่ายแต่อร่อยของอาหารญี่ปุ่นแบบสบายๆ
20.ชาบู ชาบู (Shabu-Shabu)
ชาบู-ชาบูเป็นอาหารประเภทหม้อไฟยอดนิยมของญี่ปุ่น เป็นการปรุงเนื้อสไลซ์บางและผักหลากหลายชนิดในหม้อต้มน้ำซุป ชื่อ “ชาบู-ชาบู” มาจากเสียงที่เกินขึ้นจากการ คนส่วนผสมไปมาในน้ำซุปร้อนๆ
ชาบู-ชาบูมักนิยมรับประทานกันเป็นกลุ่ม ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการสังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัว
ชาบู-ชาบูเน้นความบริสุทธิ์และรสชาติที่เป็นธรรมชาติของวัตถุดิบ พร้อมมอบความสุขในการปรุงและรับประทานร่วมกัน เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ ซึ่งช่วยให้ผู้รับประทานอาหารแต่ละคนสามารถปรับแต่งอาหารตามความชอบของตนเองได้ ชาบู-ชาบูพบได้ในร้านชาบู-ชาบูโดยเฉพาะและร้านหม้อไฟญี่ปุ่นบางแห่ง
21. โอเด้ง (Oden)
Oden (おでん) เป็นอาหารฤดูหนาวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยส่วนผสมต่างๆ เคี่ยวในน้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้นจากโชยุ (ซอสถั่วเหลือง) เป็นอาหารเบาๆที่ทำให้อิ่มท้อง มักนิยมรับประทานกันในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น โอเด้งมักมีขายตามแผงขายอาหารริมทาง ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารโอเด้งโดยเฉพาะ
อาหารจานนี้มีส่วนผสมที่หลากหลายและการเลือกวัตถุดิบอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและความแตกต่างของภูมิภาคซึ่งมีวัตถุดิบให้เลือกสรรแตกต่างกันไป ส่วนผสมทั่วไปบางอย่างที่ใช้ในโอเด้ง ได้แก่ :
- หัวไชเท้า: หัวไชเท้าชิ้นใหญ่เป็นวัตถุดิบยอดฮิตในโอเด้ง หัวไชเท้าจะดูดซับรสชาติกลมกล่อมของน้ำซุปและจะนุ่มขึ้นหลังจากการต้มซุปเป็นเวลานาน
- คอนยัคกุ: คล้ายเยลลี่ที่ทำจากต้นบุก คอนยัคกุมักถูกตัดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แล้วเติมลงในโอเด้งเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่อร่อยดึ้งๆ
- ไข่ต้ม: ไข่มักต้มจนสุกแล้วเคี่ยวในน้ำซุป ดูดซับรสชาติของน้ำซุปและมีรสเค็มเล็กน้อย
- เต้าหู้: เต้าหู้หั่นเป็นก้อนหรือสามเหลี่ยมแล้วใส่ลงในโอเด้งเพื่อให้เนื้อสัมผัสนุ่มเนียน
- ทอดมันปลา: ทอดมันปลาประเภทต่างๆ หรือที่เรียกว่า “คามาโบโกะ” มักจะหั่นบาง ๆ และอาจมีสีและลวดลายต่างกัน
- เนื้อแปรรูป: บางครั้งก็ใส่อาหารอย่างไส้กรอก มีทบอล และเนื้อแปรรูปอื่นๆ ในโอเด้ง เพื่อเพิ่มโปรตีนและรสชาติ
- คอมบุ (สาหร่ายทะเล): สาหร่ายคอมบุแห้งมักจะใช้ปรุงรสอูมามิในน้ำซุป
ส่วนใหญ่จะน้ำวัตถถุดิบที่ใช้ทำโอเด้งไปเสียบไม้ เพื่อให้ง่ายต่อการเสิร์ฟและรับประทาน จากนั้นเคี่ยวในน้ำซุปหม้อใหญ่ที่ทำจากโชยุ ดาชิ (น้ำสต็อกสำหรับปรุงอาหารญี่ปุ่น) มิริน และเครื่องปรุงรสอื่นๆ กระบวนการเคี่ยวทำให้ส่วนผสมสามารถดูดซับรสชาติของน้ำซุปและทำให้นุ่ม
โอเด้งมักรับประทานคู่กับคาราชิ (มัสตาร์ดญี่ปุ่น) เพื่อจิ้ม ซึ่งเพิ่มความเผ็ดร้อน เป็นอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมในฤดูหนาว ให้ความอบอุ่นและความสบายท้องแก่ผู้ที่รับประทาน โอเด้งสะท้อนถึงความเรียบง่ายและแก่นแท้ของอาหารญี่ปุ่นแบบสบายๆ และเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย
22. โคร็อคเกะ (Korokke)
โคร็อกเกะเป็นอาหารญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยโครเกต์ชุบเกล็ดขนมปังทอด ชื่อ “โคโรคเกะ” มาจากคำว่า “โครเกต์” ในภาษาฝรั่งเศส เป็นอาหารยอดนิยมที่มักพบในกล่องเบนโตะ อิซากายะ (ผับญี่ปุ่น) และอาหารริมทาง
โดยทั่วไปแล้วโคร็อกเกะจะมีส่วนผสมของมันบดหรือเนื้อบด (เช่น เนื้อวัว หรือไก่) ที่รวมกับผัก เครื่องปรุงรส และส่วนผสมอื่นๆ จากนั้นนำส่วนผสมนี้ปั้นเป็นก้อนหรือรูปทรงกระบอก ชุบเกล็ดขนมปัง แล้วทอดจนเป็นสีเหลืองทองและกรอบ
โคร็อกเกะมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีไส้และรสชาติที่แตกต่างกันไป:
- โคร็อกเกะมันฝรั่ง มันฝรั่งบดผสมกับส่วนผสมต่างๆ เช่น เนื้อสับ หัวหอม และเครื่องเทศ โคร็อกเกะที่ด้านในเป็นครีมและด้านนอกกรอบ
- โคร็อกเกะเนื้อ เนื้อสับ ซึ่งมักเป็นเนื้อวัว นำมารวมกับผักและเครื่องปรุงรส มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกว่า
- แกงกะหรี่โคร็อกเกะ โคร็อกเกะนี้เต็มไปด้วยส่วนผสมของเนื้อสับและผักรสแกงกะหรี่ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งชวนให้นึกถึงแกงกะหรี่ญี่ปุ่น
- Kani Korokke เต็มไปด้วยเนื้อปูและอาหารทะเลอื่น ๆ Kani Korokke เป็นอาหารทะเลในรูปแบบต่างๆ
- โคร็อกเกะผัก เต็มไปด้วยส่วนผสมของผัก เช่น แครอท ถั่วลันเตา และข้าวโพด โคร็อกเกะเหล่านี้เป็นตัวเลือกมังสวิรัติ
โคร็อกเกะมักเสิร์ฟคู่กับซอสทงคัตสึ ซอสจิ้มรสเค็มและหวานเล็กน้อยคล้ายกับซอสวูสเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานเปล่าๆ หรือโรยเกลือหรือเครื่องปรุงรสอื่นตามชอบ
โคร็อกเกะเป็นที่ชื่นชอบ ด้วยกรอบและนุ่มใน จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับมื้อกลางวัน ของว่าง หรือแม้แต่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างอิทธิพลของญี่ปุ่นและตะวันตกในอาหารญี่ปุ่น สร้างสรรค์อาหารจานอร่อยและหลากหลายที่ถูกใจคนทุกวัย
23. คาราอาเกะ (Karaage)
คาราอาเกะเป็นอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ประกอบด้วยไก่หมัก นำมาชุบแป้งบางๆ ชิ้นขนาดพอดีคำ นำไปทอดจนกรอบและเป็นสีน้ำตาลทอง คาราอาเกะขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและเนื้อด้านในที่นุ่มลิ้น รวมถึงความกรุบกรอบที่ยากจะต้านทาน
ชื่อ “คาราเกะ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “คาระ” (แปลว่า “ว่างเปล่า” ) และ “อาเกะ” (แปลว่า “ทอด”) ซึ่งหมายถึงการทอดอาหารจนข้างในไม่มีความชื้น ได้เนื้อสัมผัสที่กรอบ
วิธีการเตรียม คาราอาเกะ :
- การหมัก เนื้อสัตว์ ซึ่งมักจะเป็นน่องไก่หรืออกไก่ หมักในส่วนผสมของซอสถั่วเหลือง สาเก มิริน ขิง กระเทียม และบางครั้งปรุงรสอื่นๆ น้ำหมักนี้ทำให้ไก่มีรสชาติและช่วยให้เนื้อนุ่ม
- การชุบแป้งทอด โดยทั่วไป ไก่หมักจะชุบแป้งข้าวโพด หรือแป้งมันฝรั่งก่อนนำไปทอด การคลุกแป้งจะสร้างเนื้อสัมผัสที่เบาและกรอบเมื่อทอด
- การทอด ไก่ชุบแป้งทอดจนเป็นสีน้ำตาลทองและสุกทั่ว กระบวนการทอดทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างความกรอบนอกนุ่มในกับรสชาติที่ชุ่มฉ่ำภายใน
คาราอาเกะมักเสิร์ฟพร้อมมะนาวฝานเป็นแว่นเพื่อตัดเลี่ยนและโรยเกลือ มายองเนส หรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ ตามชอบ เป็นอาหารยอดนิยมที่รับประทานเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารว่าง หรืออาหารจานหลัก และพบได้ในสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่ร้านอาหารแบบสบายๆ ไปจนถึงร้านอิซากายะ (ผับญี่ปุ่น)
24. ข้าวแกงกะหรี่ (Curry Rice)
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “ข้าวแกงกะหรี่” หรือ “คาเระไรสุ” ในภาษาญี่ปุ่น เป็นอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่มีซอสแกงกะหรี่รสชาติดี เสิร์ฟบนข้าวญีปุ่นร้อยๆ ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเป็นอาหารหลักในครัวเรือนของชาวญี่ปุ่นและยังมีจำหน่ายทั่วไปในร้านอาหาร โรงอาหารของโรงเรียน และร้านสะดวกซื้อ
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแตกต่างจากแกงกะหรี่อินเดียหรือไทยในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส มีรสชาติที่อ่อนกว่า กลิ่นเครื่องเทศจะเบากว่า และมีความหวานของผัก ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล กล้วย จึงเหมาะสำหรับทุกวัย รวมถึงเด็กด้วย โดยทั่วไปแล้วซอสจะทำจากก้อนแกงกะหรี่ซึ่งเป็นส่วนผสมของซอสแกงกะหรี่แบบก้อนหรือก้อนที่ทำไว้ล่วงหน้าที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศ ผัก และน้ำซุป
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสามารถปรับแต่งด้วยท็อปปิ้งหรือเครื่องเคียงเพิ่มเติม เช่น ไข่ลวก ไก่คาราเกะ กุ้งเทมปุระผักดอง
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเป็นอาหารยอดนิยมของญี่ปุ่นและมักถูกมองว่าเป็นอาหารที่สะดวกสบาย ผู้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเพลิดเพลินกับอาหารจานนี้ได้อย่างเรียบง่าย และอร่อย
25. ไคเซกิ (Kaiseki)
ไคเซกิ (懐石) เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดมาจากวัฒนธรรมพิธีชงชาของญี่ปุ่น เป็นอาหารหลายคอร์สที่แสดงองค์ประกอบตามฤดูกาลและศิลปะผ่านอาหารที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน ไคเซกิขึ้นชื่อในเรื่องความใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน เน้นความสวยงาม และเคารพต่อฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง
อาหารไคเซกิคือความพิถีพิถันในการทำอาหาร แต่ละเมนูมีความสอดคล้องกัน ซึ่งแต่ละคอร์สอาหารมีความสำคัญและการจัดเตรียมที่แตกต่างกันไป อาหารมักประกอบด้วยหลายคอร์ส เช่น:
อาหารเรียกน้ำย่อยขนาดเล็ก ซาชิมิหรืออาหารทะเลสด อาหารย่าง ซุปใส อาหารทอด ผักดอง ซึ่งทุกเมนูมักมีส่วนผสมตามฤดูกาล
การจัดหลักสูตรในอาหารไคเซกิมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้รสชาติ ผิวสัมผัส และสีสันมีความสมดุล การนำเสนออาหารแต่ละจานสะท้อนถึงความสวยงามและสุนทรียภาพของอาหารญี่ปุ่น การใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและสดใหม่เป็นส่วนสำคัญของไคเซกิ โดยเน้นความเชื่อมโยงระหว่างอาหารและธรรมชาติ
ไคเซกิมักเสิร์ฟในร้านอาหารไคเซกิเฉพาะ เรียวกังแบบดั้งเดิม (ที่พักแบบญี่ปุ่น) และร้านอาหารระดับไฮเอนด์ เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มอบความซาบซึ้งอย่างลึกซึ้งต่อประเพณีการทำอาหารของญี่ปุ่นและศิลปะการรับประทานอาหารรสเลิศ
26. ดังโงะ (Dango)
ดังโงะ Dango (団子) เป็นขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าและมักเสิร์ฟแบบเสียบไม้ มีเนื้อสัมผัสที่หนึบและเหนียวเล็กน้อย คล้ายกับโมจิ (เค้กข้าวญี่ปุ่นอีกประเภทหนึ่ง) ดังโงะเป็นอาหารที่นิยมรับประทานกันในหลากหลายสถานที่ รวมถึงเทศกาล พิธีชงชา และเป็นอาหารว่างทั่วไป
ดังโงะ มีหลายรสชาติและหลากหลายรูปแบบ โดยแต่ละชนิดมีรสชาติและรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น ดังโงะถั่วแดง ดังโงะงาดำ ดังโงะฮานามิ ดังโงะสีสันสดใส มีสีชมพู สีขาว และสีเขียว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสีของดอกซากุระ ในฤดูชมซากุระ (ฮานามิ) ของญี่ปุ่น
โดยทั่วไปแล้ว ดังโงะจะเสิร์ฟบนไม้เสียบ โดยไม้เสียบแต่ละอันมีดังโงะหลายลูก หาซื้อดังโงะได้ขายตามแผงขายอาหารในช่วงเทศกาลหรือในร้านค้าเฉพาะ การผสมผสานระหว่างความหนึบและความหวานทำให้ดังโงะเป็นของอร่อยที่ผู้คนทุกวัยในญี่ปุ่นชื่นชอบ
27. แซลมอนเทอริยากิ (Teriyaki Salmon)
แซลมอนเทอริยากิเป็นอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ทำจากเนื้อปลาแซลมอนที่หมักและเคลือบด้วยซอสเทอริยากิที่มีกลิ่นหอม เทอริยากิหมายถึงเทคนิคการทำอาหารโดยนำอาหารไปย่างหรือย่างในขณะที่ทาหรือเคลือบด้วยซอสรสหวานและเค็ม คำว่า “เทอริยากิ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “เทริ” (ส่องแสงหรือแวววาว) และ “ยากิ” (ย่าง)
แซลมอนเทอริยากิเป็นอาหารยอดนิยมที่ผสมผสานความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติของแซลมอนเข้ากับรสชาติที่อร่อยของซอสเทอริยากิ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งผู้ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นและผู้ที่เพิ่งเริ่มลิ้มลองรสชาติแบบญี่ปุ่น
28. โอนิกิริ (Onigiri)
โอนิกิริ (おにぎり) เป็นอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่ประกอบด้วยข้าวปั้นที่มักเต็มไปด้วยส่วนผสมต่างๆ ห่อด้วยแผ่นสาหร่าย (โนริ) เป็นของว่างที่สะดวกและพกพาได้ ซึ่งเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
ขั้นตอนพื้นฐานของการทำโอนิกิริคือการปั้นข้าวปรุงรสให้เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือทรงกระบอก และใส่ไส้หากต้องการ โดยทั่วไปแล้วข้าวปั้นจะห่อด้วยแถบสาหร่ายโนริ ทำให้ถือสะดวกไม่เปื้อนมือในการรับประทาน โอนิกิริทำเองที่บ้าน หรือหาซื้อจากร้านสะดวกซื้อ หรือตามร้านอาหารก็ได้
โอนิกิริเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์หลากหลาย ไส้ที่หลากหลายทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างกันไป มักเป็นตัวเลือกที่สะดวกสำหรับมื้อด่วนหรือของว่างระหว่างเดินทาง โอนิกิริยังเป็นสินค้ายอดนิยมในกล่องเบนโตะ (ข้าวกล่องแบบญี่ปุ่น) ซึ่งมักจะทานคู่กับอาหารจานเล็กๆ อื่นๆ
นอกจากไส้แบบดั้งเดิมแล้ว ยังสามารถพบโอนิกิริในรูปแบบต่างๆ ที่สร้างสรรค์ รวมถึงโอนิกิริที่มีส่วนผสมที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมหรือรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นอาหารญี่ปุ่นที่เป็นที่ชื่นชอบด้วยรสชาติที่เรียบง่าย สะดวก และอร่อย
29. ไดฟุกุ (Daifuku)
ไดฟุกุ (大福) เป็นขนมญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วยชั้นนอกที่เหนียวนุ่มทำจากแป้งข้าวเหนียว (โมจิ) ที่ห่อหุ้มไส้หวาน คำว่า “ไดฟูกุ” แปลว่า “โชคดี” ในภาษาอังกฤษ และขนมเหล่านี้มักจะชอบทานในช่วงเทศกาลและงานเฉลิมฉลองต่างๆ
แป้งด้านนอกของไดฟุกุโดยทั่วไปทำโดยการนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำและน้ำตาล ผสมจนได้แป้งที่ยืดและยืดหยุ่นได้ที่ จากนั้นแป้งจะถูกแบ่งและปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ ซึ่งใช้สำหรับห่อไส้ต่างๆ เช่น ถั่วแดงกวน ชาเขียว สตรอเบอรี่ เกาลัด หรืองา
ไดฟุกุมีหลายขนาด ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำ ไปจนถึงขนมขนาดใหญ่ แป้งโมจิมักจะนุ่มและยืดหยุ่นได้ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างเมื่อทานคู่กับไส้ ไดฟุกุสามารถหาซื้อได้ในร้านขายขนม ร้านสะดวกซื้อ และแม้แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งในญี่ปุ่น เป็นขนมยอดนิยมที่รับประทานได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุด เทศกาล และโอกาสเฉลิมฉลองอื่นๆ
30. ซุปมิโซะ (Miso Soup)
ซุปมิโซะ (味噌汁) เป็นซุปแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ทำจากน้ำซุปที่มีรสชาติและมิโซะซึ่งเป็นเต้าเจี้ยวหมัก เป็นอาหารหลักในอาหารญี่ปุ่น นิยมรับประทานเป็นคู่กับเมนูอื่นๆในมื้ออาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
ซุปมิโซะไม่ได้เป็นเพียงอาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเรียบง่าย ความสมดุล และความซาบซึ้งในรสชาติตามธรรมชาติซึ่งเป็นพื้นฐานของประเพณีการทำอาหารของญี่ปุ่น เป็นเมนูที่เป็นที่ชื่นชอบ และได้รับความนิยมไปทั่วโลก