ไม่ใช่ทุกร้านในญี่ปุ่นจะคงคุณภาพและมาตรฐานเสมอไป ช่วงปีแรกที่ไป เราหาร้านอาหารฮาลาลไม่เจอเลยสักร้าน พอช่วงปี 2014 ก็เริ่มมีร้านอาหารฮาลาลเกิดขึ้นมาหลายร้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมที่จะมีเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงงานโอลิมปิก ทำให้เราตื่นเต้นและดีใจมาก วางแผนลองให้ครบทุกร้าน ด้วยการหาที่พักในย่านที่มีของฮาลาลเต็มไปหมด นั้นคือ ย่านอาซากุสะ นั้นเอง ไม่ต้องไปไหนไกล เดินกินวนเวียนกันอยู่ในย่านนี้กันเลย
.
ปัจจุบันหลายๆร้านปิดตัวกันไปอย่างเงียบๆ แต่ก็มีบางร้านที่ขยายสาขาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ และร้านที่เราปักธงไว้ว่าต้องกินให้ได้ คือ ร้านซูชิ เอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น อยากสัมผัสความเป็นออริจินอล ต้นตำรับดูสักครั้ง ครั้งแรกที่ไป เราเดินหาร้านนี้ วนไปวนมา อยู่หลายรอบมากๆ ก็ยังหาไม่เจอ หน้าร้านไม่มีโลโก้ ไม่มีภาษาอังกฤษ ไม่มีสัญลักษณ์ใดๆบ่งบอกว่าเป็นร้านอาหารฮาลาลเลย ไม่มีแม้กระทั่งรูปซูชิ แต่สุดท้ายก็ลองเปิดประตูเข้าไปถามว่าใช่มั้ย พนักงานพยักหน้าว่าร้านนี้ใช่เลยเชิญเข้ามาเลยจ้าา
.
เข้ามาในร้านก็ได้บรรยากาศญี่ปุ่นเต็มที่ ทั้งเค้าเตอร์บาร์ซูชิ คนญี่ปุ่นนั่งกันเต็มร้าน ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักโต๊ะ เราสั่งกันหลายเมนู และเมนูที่ประทับใจมากคือซูชิชีส ด้วยความชีสและไส้ซูชิที่มีแทกซ์เจอร์ลงตัวและเข้ากันเป็นอย่างดี ทำให้เราตั้งใจว่าต้องมากินเมนูนี้อีกให้ได้
และปีต่อมา ทางร้านก็ปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพื่อรับนักท่องเที่ยว ปรับเมนูแยกให้สั่งได้เฉพาะบางอัน และที่สำคัญเมนูซูชิชีสหายไป ด้วยความอยากกินมาก เลยลองถามดูว่ายังมีเมนูนี้มั้ย ทางร้านยังมีขาย เลยสั่งมากินทุกครั้งที่มาร้านนี้ แต่เราก็ต้องผิดหวัง กับเมนูนี้อีกหลายครั้ง เพราะชีสที่ลดลงเรื่อยๆ และคุณภาพซูชิที่ไม่เหมือนที่เคย
.
มาตรฐานที่คงที่คือเรื่องสำคัญสำหรับร้านอาหาร จากประสบการณ์ครั้งนั้น เราไม่อยากให้ลูกค้าของเราต้องรู้สึกผิดหวัง หรือลุ้นว่าจะได้กินเมนูเดิมที่คุ้นเคยมั้ย เราจึงพยายามรักษามาตรฐาน และคุณภาพของร้านเราให้คงที่มากที่สุด คงสิ่งที่ดีไว้ และพยายามปรับให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ต้องขอบคุณลูกค้า Abushi ทุกท่าน ที่ลิ้นเทพจำรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านเราได้ คอมเม้นติชมต่างๆให้เราปรับตัวและแก้ไขได้ทัน